ครม.ไฟเขียว’สหรัฐ’ใช้อู่ตะเภาช่วยเนปาล


กรุงเทพธุรกิจ: ครม.ไฟเขียว“สหรัฐฯ”ใช้อู่ตะเภาเป็นสนามบินต่อระยะปฏิบัติการบรรเทาพิบัติภัย“ไทย-สหรัฐฯ”เพื่อเนปาล 8-31 พ.ค.

IMG_7320ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้สหรัฐอเมริกาสามารถใช้สนามบินอู่ตะเภา เพื่อใช้เป็นสนามบินต่อระยะในการลำเลียงบรรทุกเครื่องอุปโภค และบริโภค ช่วยเหลือชาวเนปาล จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเนปาลเมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ชาวเนปาลได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก อาคารสิ่งปลูกสร้าง บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายอย่างหนัก มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 2.8 ล้านคนเพื่อเป็นการช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติในประเทศเนปาลโดยทางรัฐบาลไทยได้ให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆอย่างทันท่วงที ในส่วนของกองบัญชาการกองทัพไทย ได้จัดส่งกำลังพลลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือทั้งในด้านการแพทย์ การฟื้นฟู การเยียวยา

11ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า สำหรับการอนุมัติให้ทางสหรัสฯ ใช้สนามบินอู่ตะเภา พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก และการสนับสนุนภาคพื้น เพื่อเป็นสนามบินต่อระยะในการปฏิบัติภารกิจเพื่อมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติที่ประเทศเนปาล พร้อมกับให้จัดตั้งศูนย์ประสานงานการช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ ไทย-สหรัฐฯ เพื่อเนปาล (Thai-US HADR Combined Coordination Center for Nepal ) ขึ้นที่สนามบินอู่ตะเภา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ระหว่างวันที่ 8-31 พ.ค. ซึ่งศูนย์ฯดังกล่าวมีหน้าที่ประสานและกำกับดูแลการปฏิบัติของฝ่ายสหรัฐฯ ให้เป็นไปตามข้อตกลง มีกำลังพลปฏิบัติงานร่วมกันฝ่ายละประมาณ 10 นาย ในส่วนขอฝ่ายไทยจัดกำลังพลจากกองบัญชาการกองทัพไทย (บก.สส.) กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) กองบัญชาการกองทัพเรื่อ (บก.ทร.) และกองบัญชาการกองทัพอากาศ ( บก.ทอ.) ไปร่วมกันปฏิบัติงาน โดยมีพล.ร.ต.ไกรศรี เกษร รองเจ้ากรมยุทธการทหาร เป็นหัวหน้าศูนย์ฯ13

ด้านพล.ร.ต.ไกรศรี กล่าวว่า ภารกิจที่ตนได้รับมอบหมายคือเป็นหัวหน้าศูนย์ประสานงานการช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติไทย-สหรัฐฯ เพื่อเนปาล ซึ่งได้เริ่มปฏิบัติงานมาตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมาโดยมีเครื่องบินลำเลียงของสหรัฐฯ มาลงวันละ 8-9 เที่ยวบินต่อวัน วัตถุประสงค์ที่ทางสหรัฐฯมาขอใช้สนามบินอู่ตะเภา คือการเติมน้ำมันเครื่องบินลำเลียง และเพื่อรอการประสานงานการบินจากประเทศเนปาล เนื่องจากการจราจรทางอากาศในประเทศเนปาลหนาแน่นมากไม่สามารถที่จะลงจอดได้ตามเวลาที่เครื่องบินบินไปถึงได้

ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com/mobile/view/news/646240