รายการคืนความสุขให้คนในชาติ วันศุกร์ที่ 22 เมษายน 2559

bbdd81212369828e02b74badb35bd113_L

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติเฉพาะกิจออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะ กิจแห่งประเทศไทย วันศุกร์ที่ 22 เมษายน 2559 เวลา 20.15 น.

 

ร้อยตรีหญิง ปริยา เนตรวิเชียร  เปิดรายการ

สวัสดี ค่ะ ต้อนรับทุกท่านเข้าสู่รายการ  “คืนความสุขให้คนในชาติ” วันนี้ดิฉัน ร้อยตรีหญิง ปริยา เนตรวิเชียร ได้รับเกียรติให้ทำหน้าที่พิธีกรดำเนินรายการนะคะ เช่นเคยนะคะในทุกคืนวันศุกร์แบบนี้ เราจะได้รับเกียรติจากท่านนายกรัฐมนตรี  และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พลเอก ประยุทธ จันโอชา มาพบ แล้วก็พูดคุยกับพี่น้องประชาชนนะคะ เพื่อจะได้รับทราบถึงการดำเนินนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล แล้วก็ คสช. ตลอดจนการฝากข้อห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนคนไทยด้วย ท่านให้เกียรติมาอยู่กับเราในค่ำคืนนี้แล้วนะคะ สวัสดีท่านนายกฯ ค่ะ

 

ถาม : เพิ่งจะผ่านพ้นเทศกาลสงกรานต์มานะคะ ก็เป็นช่วงเวลาที่คนไทยมีความสุข ปีนี้นี่เรารณรงค์ให้เล่นน้ำสงกรานต์กันอย่างรู้คุณค่า เพราะว่าเราประสบปัญหาภัยแล้งด้วย ก็ได้รับความร่วมมืออย่างดีนะคะ ท่าน  นายกฯ ในหลายพื้นที่ มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นมากมายในช่วงสงกรานต์ที่ท่านอยากจะพูดถึงในวันนี้บ้างไหมคะ 

นรม. : เรื่องดี ๆ ก็คงเป็นเรื่องของวัฒนธรรมประเพณีไทย ซึ่งหลาย ๆ พื้นที่ ก็นำกลับมา มาเริ่มต้นหรือมาทำสืบสานต่อในปัจจุบันเพราะที่ผ่านมาผมรู้สึกเป็นห่วงเพราะ หายไปเยอะ เป็นการสงกรานต์สนุกสนานกันอย่างเดียว ลืมความเป็นไทย ปีนี้ต้องขอบคุณนะครับทั้งข้าราชการ ทั้งประชาชนทุกภาคส่วน  ช่วยกันสืบสานวัฒนธรรมไทย ในวันนี้ มีการแต่งไทย แล้วก็มีประเพณีเก่าแก่โบราณมาเล่นกัน แล้วก็ประหยัดน้ำด้วย นี่เป็นสิ่งที่ผมชื่นชมนะครับ แล้วผมก็เลยเกิดความคิดว่าปีนี้ ผมกำหนดให้เป็นปีแห่งการสืบสานวัฒนธรรมไทยในหลาย ๆ ด้านนะครับ  ไม่ว่าจะแต่งกายไทย อาหารไทย หรือประเพณีไทยต่าง ๆ ก็ต้องรื้อฟื้นกลับมาให้หมด พร้อมกัน วันนี้ก็ ผมก็ให้มีการประสานเชื่อมโยงกับอาเซียนด้วย จะเห็นว่าจะมีการแสดงอะไรต่าง ๆ เข้ามา ในช่วงหลังจากนี้ ไปแล้ว ฉลอง 234 ปีกรุงเทพมหานครด้วยว่าจะมีรามายะ หรือรามเกียรติ เรานี่แหละ หลายประเทศมาแสดงร่วมนะครับ ให้เห็นความแตกต่างกันบ้าง มาจากพื้นฐานเดียวกันทั้งสิ้น

คราวนี้สิ่งที่สอง ที่ผมยินดีอีกอันคือว่าน้องเมย์  ผมคิดว่าทุกคนในชาตินี่ดีใจกับผมด้วยหมด ทุกคนถ้าได้ดูรายการจะเห็นว่า กว่าจะได้ทั้ง 3 แชมป์นี่ ด้วยความยากลำบาก 3 รายการเป็นมือหนึ่งของโลก สหพันธ์แบตมินตันโลก แล้วก็ทั้ง 3 อย่างนี่  อาทิตย์ติดกัน ซึ่งยากที่จะทำได้ในห้วงเวลาจำกัด เวลานี้ ก็ขอเป็นกำลังใจ เมื่อวานก็ได้มาพบกัน ผมก็เตือนเขาให้รักษาสุขภาพ หาเวลาพักผ่อน ฝึกซ้อมฝีมือต่อไป แต่เราก็ไม่อยากไปกดดันเขา เราก็บอกว่าขอให้เขาทำหน้าที่ของเขาให้ดีที่สุด จะชนะหรือแพ้ยังไงคนไทยก็เป็นกำลังใจอยู่แล้ว นายกฯ ให้กำลังใจอยู่แล้ว เขาก็สบายใจขึ้น

อันที่สองก็คือว่าเขาต้องเรียนหนังสือ อนาคต ความมั่นคง เขาก็ต้องเรียน ต้องศึกษา เขาก็ใกล้จะจบแล้ว แล้วสิ่งที่ประทับใจอีกอันก็ คือ ว่าเวลาไปต่างประเทศผมเห็นแล้ว เขาก็มีการไหว้ การแสดงน้ำใจนักกีฬา ช่วยเหลือ ถูพื้นสนาม เขาทำหมด แล้วก็กราบขอบคุณกรรมการ เวลาตีแบ็ตไปใส่คู่ต่อสู้ เขาก็ขอโทษอะไรทำนองนี้ ผมว่าเป็นตัวอย่างที่ดี แล้วความหวังของเขาก็คือการไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิก กรุงริโอเดอจาเนโร ที่บราซิลในเดือนสิงหาคมนี้  แล้วเมื่อวานก็เป็นห่วงอีกนิดหนึ่งเหมือนกัน เขาต้องรักษาแชมป์เดือนเมษายน วันที่ประมาณสัก 25 เดินทางไป 26 -27 แข่งขัน รักษาแชมป์อาเซียน ซึ่งจะต้องรักษาให้ได้ แต่ผมไม่กดดัน บอกน้องเขาไว้แล้วว่า ทำให้ดีที่สุดแล้วกัน คนไทยเป็นกำลังใจเสมอ

ถาม : เมื่อวานนี้ท่านนายกเองก็ได้ร่วมตีแบตมินตัน กับน้องเมย์ตอนนี้เป็นมือวางอันดับ 1 ของโลกแล้วนะ อย่างเป็นทางการนะคะ

มาถึงอีก 1 เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้วก็เรื่องนี้เองท่านนายกฯ ก็ห่วงคนไทยที่อยู่ในพื้นที่ ณ ขณะนั้น ก็คือเหตุแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น แล้วก็ เอกวาดอร์ ท่านพูดเสมอว่า เราจะต้องเข้มแข็งไปด้วยกัน หรือว่า Stronger together 2 ประเทศนี้เขาก็เป็นมิตรประเทศของเรา กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นท่าอยากจะพูดอะไรในประเด็นนี้ในวันนี้บ้างคะ 

นรม. : ประเด็นแรกของผมเอง ในนามของนายกรัฐมนตรีไทยและประเทศไทย ประชาชนคนไทยก็ต้องแสดงความเสียใจ มีการบาดเจ็บ เสียชีวิตมีความเสียหายมากพอสมควร ผมได้แต่ให้กำลังใจ ในขณะนี้ และบทบาทรัฐบาลไทยก็ต้องเข้มแข็งในการที่จะแสดงความเต็มใจจริงใจพร้อมจะช่วย เหลือ ในทุกมิตินะครับ เราก็ได้บริจาคเงินช่วยไปขั้นต้นแล้ว ตามระเบียบของเรานะครับแล้วก็ได้สอบถามว่า ประเด็นใดๆที่ต้องการทางการไทยก็พร้อมจะให้ ก็มีการติดต่อระหว่างกัน สิ่งสำคัญก็คือต้องขอบคุณกระทรวงการต่างประเทศ ที่เข้มแข็งดี ในขณะที่เกิดเหตุการณ์ ผมก็ตรวจสอบแล้วว่า ทางสถานทูต ก็ดำเนินการอย่างเข้มแข็ง จัดทำแผนงานการติดต่อที่รวมพลอะไรต่าง ๆ  เหล่านี้ นี่เป็นตัวอย่างที่ดี ในต่างประเทศ  ในประเทศก็เหมือนกัน คาดหวังให้ทำแบบนี้ทุกอย่างต้องมีแผนปฏิบัติการเชิงรุก มีแผนล่วงหน้าให้ประชาชนเข้าใจ ประเทศไทยโชคดีที่เราไม่มีภัยพิบัติแบบนี้ ของเราก็มีภัยแล้ง มีดินถล่มบ้าง น้ำท่วมอะไรบ้าง พายุฤดูร้อน ผมว่าเป็นโชคดีแล้ว เราก็ต้องใช้ความโชคดีนี่ไปเผื่อแผ่น้ำใจให้คนอื่นเขา แล้วเราก็ศึกษาเขาไว้ เผื่อวันหน้าโลกเปลี่ยนแปลง พร้อมจะเกิดที่ไหนก็ได้ ประเทศไทยต้องเตรียมความพร้อม ทุกอย่างอยู่ที่การเตรียมการ อยู่ที่แผนเผชิญเหตุ แล้วมาตรการลดความเสี่ยงในสถานการณ์ปกติ ไม่ใช่ วันนี้เราต้องระวังเรื่องพายุฤดูร้อนไง ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี่ ฝนก็อาจจะตกมากขึ้น ๆ พร้อมลมแรงใช่ไหม เพราะฉะนั้น ป้ายโฆษณา หลังคาบ้าน ต้องดูแลทั้งหมด วันนี้ต้องเตรียมการไว้แล้ว ผมสั่งการไปแล้ว

 

ถาม : ทางภาค เหนือ ภาคอีสานเองโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จะเกิดกันบ่อยสำหรับภัยฤดูร้อน อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องของความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน เรื่องนี้ท่านนายกให้ความสำคัญมาก เป็น อันดับต้น ๆ มาโดยตลอด ได้จัดให้ทั้งรองนายกรัฐมนตรีทั้ง 6 ท่าน มีพื้นที่ตรวจราชการลงพื้นที่ไปรับฟังปัญหา ท่านเองก็มีตารางที่จะลงพื้นที่ไปพบปะที่น้องประชาชนด้วย “ศูนย์ดำรงธรรม”  เป็นสัญญาลักษณ์ที่สำคัญมากของรัฐบาล แล้วก็ คสช. ผ่านมาเกือบจะ 2 ปีแล้วนะคะ การดำเนินงานเป็นยังไงบ้าง ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้มากแค่ไหน

นรม. : คือเริ่มแรกผมก็มีความคิดว่าเราจะรับรู้ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้ อย่างไรใช่ไหม ผมก็คิดในด้านของประชาชน เพราะที่ผ่านมามักจะมีข้อร้องเรียนตามสถานีวิทยุบ้าง หนังสือ พิมพ์บ้าง หรือว่า โทรทัศน์บ้าง ใช่ไหม ผมก็เอ๊ะ ทำยังไงเขาจะเปิดช่องทางสื่อสารระหว่างเรากับเขาให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายกรัฐมนตรีก็นึกถึงว่าจะใช้ที่ไหนดี ก็ปรากฏว่ามีเรื่องศูนย์ดำรงธรรมอยู่แล้ว ผมก็พัฒนาศูนย์ดำรงธรรมขึ้นมา ให้เป็นศูนย์บริการประชาชนทั้งหมดไม่ว่าจะร้องทุกข์ แจ้งเบาะแส นักท่องเที่ยวอะไรก็แล้วแต่นี่ทำได้หมด แล้วก็ปัญหาต่าง ๆ ที่จะให้รัฐบาลแก้ไข เราทำมาตั้งแต่ตอนนั้น 2 ปีมาแล้วนะ ในส่วนของการร้องทุกข์ แจ้งเบาะแส สายด่วน  1567 มีตลอด 24 ชั่วโมง อีก เพราะงั้นจะมี 2 ช่องทาง ทางโทรศัพท์ก็ได้ ทางศูนย์ดำรงธรรมก็ได้ วันนี้ก็มีทั่วประเทศ สถิติการใช้การบริการตั้งแต่ กรกฎาคม 2557 ถึง 2559 นี่ 1 ปี 7 เดือน 2 ล้าน 6 แสนราย คือ 2 ล้าน 6 แสน เรื่อง ดำเนินการไปแล้วเสร็จร้อยละ 97 ถือว่าประสบความสำเร็จ ประชาชนมีความพึงพอใจ แต่ปัญหาหลัก ๆ ใหญ่ ๆ นี่ติดข้อกฎหมาย ติดด้วยหลักการ เหตุผลต่าง ๆ ซึ่งอาจจะไม่เข้าใจกันในบางเรื่อง แล้วใช้เวลา การแก้ไขก็ขอให้พี่น้องใจเย็น ๆ นิดหนึ่ง เช่น ปัญหาเรื่องที่ดิน เรื่องการออกเอกสารสิทธิ์ เหล่านี้บางที่ติดขัดข้อกฎหมาย บางอย่างใช้หลักการพิจาณาด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้ เพราะต้องเริ่มต้นด้วยกฎหมายทั้งสิ้น  ถ้าเราไปแก้อย่างอื่นสั่งการไปโดยที่ ไม่อยู่ในกรอบของกฎหมายจะวุ่นวายในภายหน้า ปัญหาหนึ่งอาจจะจบ แต่จะมีปัญหาอื่นตามมา เราไม่ต้องการให้เกิดอย่างนั้น

เป็นสิ่งที่ผม คาดหวัง แล้วคิดว่าประชาชนทุกคนก็คาดหวัง เมื่อกี้ผมลืมไปนิดหนึ่งก็คือว่า นอกจากศูนย์ดำรงธรรมที่คำนึงถึงภาคประชาชนแล้ว ที่ใกล้ชิดกับผู้ว่าฯ กับนายอำเภอ อะไรต่าง ๆ จะได้แก้ไขในส่วนของรัฐได้ ในอันที่สองก็คือ ต้องมองในแง่เศรษฐกิจด้วย ผมก็ได้ตั้งศูนย์ One Stop Services ขึ้นมา ให้การบริการเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจการติดต่อ การลงทุนข้อมูลเขตเศรษฐกิจพิเศษ ระเบียบกติกาใหม่ที่เราออกไปแล้วทั้งหมดจะมีอยู่ที่ OSS นี่ One Stop Services นี่ อันนั้นก็คือเรื่องของธุรกิจ

เรื่องต่อไปก็คือในส่วนของ เทศกาลสงกรานต์ 10 – 18  9 วัน ใช่ไหม มีการให้การบริการประชาชนทั้งหมด  1 แสน 3 หมื่นราย  ผมถือว่าก็โอเค อย่างน้อยก็เป็นการสร้างการเรียนรู้ สร้างความร่วมมือ สร้างความเช้าใจ ความเป็นห่วงรัฐบาล ผมห่วงอยู่เรื่องเดียว เรื่องการใช้รถใช้ถนน ยังไงก็ไม่ว่าจะมีกฎหมาย มีเจ้าหน้าที่มากสักเท่าไร ผมคิดว่าแก้ไม่ได้มากเพราะแก้ที่ปลายเหตุ ต้นเหตุอยู่ที่จิตสำนึก อยู่ที่คนไทยทุกคนนี่ต้องร่วมกัน เริ่มจากครอบครัว ใช่ไหม สถาบันครอบครัวต้องเตือนลูกหลานในการใช้รถใช้ถนน พ่อแม่ก็ ระมัดระวังในการขับรถ ใช่ไหม พอสูญเสียขึ้นมา ทุกคนแทนที่จะมีความสุข 5 วันที่หยุดใช่ไหม สงกรานต์ทั้งหมดก็ 9 วัน หรือเปล่าเมื่อกี้ ก็ต้องมาเสียใจยังไง ต้องมาจัดงานศพ ต้องมารักษาพยาบาลแทน ผมว่าเป็นสิ่งที่สูญเสียมากกว่าอย่างอื่น ผมไม่เสียดายถ้าจะใช้งบประมาณในการทำอะไรต่าง ๆ ตามเกี่ยวกับเรื่องการจราจร แต่ทำไม่ได้ ไม่ได้ทั้งหมดหรอก การแก้ปัญหาอยู่ที่คนเท่านั้นเอง จิตสำนึก ต้องช่วยกัน วันนี้เรื่องอะไร เด็กแว้นอีกใช่ไหม ก็เดือดร้อนอีกวันนี้ก็ หยุดไปทีหนึ่งแล้ว มาใหม่อีกแล้ว แล้ววันนี้ก็อะไร เอาเถิดเจ้าล่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทุกวันนี้ เตือนแล้วเตือนอีก เสร็จแล้วเดี๋ยวกฎหมายก็ต้องแรงขึ้น  การใช้กฎหมายแรงขึ้นทุกอย่าง ๆ วันหน้าก็ดื้อ ดื้อยา วันนี้ก็ดื้อยา ดื้อมานานแล้วด้วย เพราะว่าอะไร เพราะที่ผ่านมา การบังคับใช้กฎหมายนี่ไม่ค่อยกระทำได้อย่างเพียงพอ จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ วันนี้กำลังทำเรื่องเหล่านี้อยู่ กฎหมายต้องเป็นกฎหมายถ้ากฎหมายแล้วทุกคนเชื่อฟัง ไม่ทำ ไม่ฝืนก็ไม่มีเรื่อง ทุกเรื่อง ต้องเริ่มต้นด้วยกฎหมายก่อน

 

 

ถาม : ท่าน นายกฯ เองเป็นนักคิดนักปฏิบัติ หลาย ๆ คนก็ชื่นชมท่านแบบนั้นนะคะ แต่ในขณะเดียวกันการให้บริการอย่างความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับศูนย์ดำรงธรรม ที่ผ่านมา ทำให้ท่านมีแนวคิดว่าการบริการภาครัฐสำหรับประชาชนในอนาคตข้างหน้าจะต้องดี ขึ้นกว่านี้อีกไหมคะ

 

spond1567นรม. : สถิติการใช้โทรศัพท์นี่ของคนไทยนี่ จำนวนเครื่องโทรศัพท์มากกว่าคนไทยทั้งประเทศอีก โดยประมาณ 92 ล้านหมายเลข  คนไทยมีประมาณเกือบ 70 ล้าน 67 ล้านกว่า ๆ ตัวเลขทางการ สูงกว่าจำนวนประชากร 135% เพราะฉะนั้นทำอย่างไร 92 ล้านเลขหมายนี้จะเกิดประโยชน์ในการร่วมกันพัฒนาบ้านเมือง รักษาความสงบเรียบร้อย รักษาความปลอดภัย  แล้ววันนี้มียอดผู้ใช้ การบริการอินเตอร์เน็ตผ่านมือถือนี้ 56 ล้านราย มากกว่า 50% ของมือถือ ที่เป็น Smart Phone การบริการ คราวนี้เราต้องสร้างการรับรู้ในหลายมิติ ด้วยการพัฒนาการทำงานหลายด้าน ระบบ Application SPOND บนมือถือนี่

 

สำคัญ download  ทั้ง App Store ของ IOS ของ  i-Phone  และ Google play ของ Android เขา คือพวก Samsung  อันนี้ผมเปิดขึ้นมา เพราะว่าต้องการรับแจ้งเรื่องราว มี Sticker  ออกมา ข้อความบ้าง โทรคุยกับเจ้าหน้าที่โดยตรงก็ได้ แต่ขอร้องแล้วกัน โทรมาแล้วอย่ากวนเจ้าหน้าที่ ส่วนใหญ่พอเปิดปั๊บ เจ้าหน้าที่ บางทีก็โทรคุยกับเจ้าหน้าที่บ้างอะไรอย่างนี้ มันเสียเวลา หงุดหงิดกันเปล่า ๆ ก็สามารถติดต่อได้ อันนี้เราเปิดให้ใช้บริการกันแล้วนะครับ

 

 

ถาม : เรื่อง ของเทคโนโลยี นี่คนไทยก็ชอบอยู่แล้วนะคะ แล้วยิ่งรักความสะดวกสบายแบบนี้ด้วย ล่าสุดกับการเปิดตัว Gov Channel ค่ะ ท่านนายกรัฐมนตรีมีการเปิดบริการที่เรียกว่าต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ  ล่าสุดตอนนี้มีบริการอะไรบ้างให้กับพี่น้องประชาชน จะมีอะไรคะ 

นรม. : เอาอย่างนี้ก่อน ในเรื่องของ ดิจิตอล เรามองแล้วว่า วันนี้เราต้องลดภาระของรัฐลง เจ้าหน้าที่ การให้บริการต่าง เราก็ไปสู่การเป็น e-Government ในทางอิเล็คโทรนิค การให้บริการ มีหลายช่องทางด้วยกัน เรื่องธุรกิจ เรื่องของการให้ข้อมูล การประสานรายะเอียดต่าง  ๆ มีหมด คราวนี้ก็เป็นกังวลว่าเขาจะรู้การทำงานของรัฐบาลได้อย่างไร วันนี้เราก็เปิดการบริการ GOV Channel มาแล้ว ก็จะเป็นระบบศูนย์กลางในการบริการภาครัฐสำหรับประชาชน ที่เรียกว่า GOV Channel เป็นช่องทางเข้าถึงข้อมูลและบริการสำหรับประชาชนทุกเรื่องจะมี ผมก็บอกให้แยกเป็นกลุ่ม ๆ ได้หรือไม่  เดิมบางทีเข้ามาทั้งหมดแล้วคนก็เปิดไป เปิดไปบางทีก็เวียนหัวเหมือนกัน มันยาว ก็สามารถเปิดตั้งแต่ Layer ที่ 1 ไป พวกนี้เกษตรกรใช่ไหม พวกนี้พวกทำอาชีพอื่นใช่ไหม เขาเจาะกันได้เลยว่าอยากรู้อะไรตรงนั้น กระทรวงต่าง ๆ เขาทำอะไรกัน อันนี้เปิดไปแล้ว ก็ให้บริการใน 3 รูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ หรือ แอพพลิเคชั่นในมือถือ แล้วก็ในตู้ KIOS ที่ทำไปแล้ว เปิดตัวไปแล้วนี่ วันนี้ก็ยังไม่ครบจังหวัดเลยก็ต้องขยายไปให้ครบ

ในส่วนอีกอันหนึ่งก็ คือ ศูนย์กลางแอปพลิเคชั่นภาครัฐ ที่เรียกว่า “จี อี ซี” (GAC : Government Application Center) แล้วก็ระบบแจ้งข้อมูลข่าวสารภาครัฐ (G-News) เปิดตัวใหม่วันนี้ ก็คือเรื่อง ระบบภาษีไปไหน เพราะว่าวันนี้บ้านเมืองเรานี่มีปัญหาอันแรกที่สุดก็คือ ความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ความโปร่งใสอะไรต่าง ๆ เพราะฉะนั้นรัฐบาลนี้ คสช. พยายามทำเต็มที่ให้ทุกคนสบายใจ เพราะฉะนั้นคำว่าระบบภาษีไปไหน ถ้าเปิดเข้าไปดูในช่องทางอันนี้ จะเห็นว่างบประมาณรัฐมีเท่าไรในแต่ละปี ปี 2558 , 2559  แล้วเอาไปใช้ตรงไหนบ้าง แล้วก็มีโครงการต่าง ๆ ที่ไหนบ้าง ราคาเท่าไร มูลค่าเท่าไร ก็เป็นประโยชน์กับประชาชนในการเข้าไปร่วมตรวจสอบ อันที่ 1 อันที่ 2 เป็นประโยชน์ต่อการเตรียมการของพวกที่จะต้องไปประมูล ไปแข่งขันโดยเสรี จะได้เลิกการทุจริต คอรัปชั่นกัน อันนี้เป็นไปตาม พรบ. ข่าวสาร  พรบ. อำนวยความสะดวก ที่รัฐบาลนี้ออกเหมือนกัน เพราะเราไม่ได้มีอะไรที่เป็นนัยยะข้างในของเราเลย เปิดเผยได้ทั้งหมด

ใน ส่วนของตู้ Kiosk ประชาชนสามารถเอาบัตรประชาชนใบเดียว เสียบเข้าไป ก็จะมีการให้การบริการสุขภาพบ้าง การตรวจสอบการนัด ๆ มีได้หมด ลองใช้ดูแล้วกัน แรก ๆ อาจจะติดขัดบ้างหรือเปล่าไม่ทราบ เพราะคนมาก ตั้ง 60 กว่าล้าน การทำอะไรต่าง ๆ  ถ้าประเทศเราไม่ใช่ประเทศเล็ก ๆ ถ้าถือว่าเทียบกับประเทศอื่น บางคนบอกประเทศไทยทำไมไม่พัฒนาเลย เอาประเทศที่พัฒนา เขาเล็กว่าเรา คนน้อยกว่าเรา แล้วเขาคุณภาพการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เขาดีกว่ามานานแล้ว เราสู้เขาไม่ได้ เราต้องเร่งตรงนี้ ผมถึงบอกว่าเรื่องนี้สำคัญ เพราะฉะนั้นจะทำได้อย่างไรบอกกันไม่มีทางรู้เรื่อง ก็ต้องให้เขาเรียนรู้ด้วยทางอิเล็กทรอนิกส์

 

 

ถาม : ขอเจาะจงในส่วนของข้าราชการไทยบ้างนะคะ เพราะเห็นในต่างประเทศหรือแม้แต่ในภาพยนตร์เอง ก็มีตัวอย่างให้เราเห็น เป็นลักษณะของการสื่อสารเฉพาะทางในวงราชการ ท่านนายกฯ คะ เพื่อรักษาความลับ ความมั่นคงของชาติ  แต่ว่าประเทศไทยที่ผ่านมาเรายังไม่มีนะคะ ก็เลยทำให้ข้าราชการไทยต้องไปใช้บริการของภาคเอกชน และมักจะเป็นภาคเอกชนในต่างประเทศ ก็เสี่ยงอีกที่ข้อมูลจะรั่วไหลไปกระทบกับความมั่นคง ความฝันของข้าราชการไทยจะเป็นจริงได้หรือไม่ จะเกิดขึ้นในบ้านเราเองไหมคะ

นรม. : ตอนนี้อยากจะบอกว่าเกิดแล้ว คือ G-Chat ไง G-Chat คือช่องทางติดต่อสื่อสารสำหรับหน่วยงานภาครัฐ ระหว่างกันทีเรียกว่า G-Chat  คือทุกหน่วยงานภาครัฐสามารถติดต่อกันได้ ในช่องทางนี้ แล้วก็มีระบบรักษาความปลอดภัย เป็นระบบสื่อสารแบบ On line  หน่วยงานรัฐด้วยกันเอง สามารถประชุมได้ อะไรก็ได้ส่งผ่านถึงกันก็ได้ อันนี้จะเป็นประโยชน์กับการบูรณาการ หลักการของผมคือการบูรณาการทั้งแผนงาน งบประมาณ ในกลุ่มงานที่เป็นกิจกรรมเดียวกัน เช่น น้ำหลายกระทรวง เช่น ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานหลายกระทรวงไม่ใช่ถนนคือถนน ไม่ใช่ ถนนต้องพูดถึงที่ดิน การบริหารจัดการที่ดินข้างทาง การจัดสรร วางผังเมือง เยอะแยะไปหมด ต้องคุยกันหลายกระทรวง ที่ผ่านมาจะเป็นกระทรวง ๆ แล้วเอากิจกรรมย่อย ๆ มาทำกัน แล้วใช้งบประมาณของแต่ละกระทรวง วันนี้ไม่ได้แล้ว เราต้องแก้ไขทั้งหมด จะได้เกิด Mass ขึ้นมา ในการเป็นผลผลิต อันนี้ก็คล้าย ๆ Application LINE  แต่มีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เป็นทั้ง ห้องสนทนาส่วนตัว เป็นกลุ่มได้ ประชุมทางไกลได้ Video callได้ สามารถระบุพิกัดตำแหน่ง ได้ด้วย (Location Sharing) อันนี้ให้สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สรอ.) เรียกว่า “อีจีเอ” เปิดให้บริการแล้ว เมื่อวันอังคาร ผมเป็นคนเปิดเอง แล้วได้สั่งการให้หน่วยราชการ เข้ามาใช้บริการ ในเรื่องนี้ด้วย

 

 

ถาม : เป็นฝัน ของข้าราชการไทยที่เป็นจริง ตอนนี้เริ่มดำเนินการแล้ว มาถึงประเด็นเศรษฐกิจ ท่านายกฯ คะ ตอนนี้เราก็ยังอยู่ในภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยอยู่ แต่ว่าล่าสุดนี่ก็มีการประชุมคณะกรรมการ สานพลังประชารัฐ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ความร่วมมือในการทำงานของรัฐบาล กับภาคเอกชน ที่ขันอาสาเข้ามาจะวางรากฐานพัฒนาเศรษฐกิจ เลยมีคำใหม่ที่ตอนนี้คนไทยอาจจะยังไม่คุ้นหู แต่เชื่อว่าในอนาคตจะติดปากกันมากขึ้น ก็คือ “ประเทศไทย 4.0” ท่านนายกฯ อธิบายหน่อยค่ะว่า 4.0  คืออะไรค่ะ?

นรม. : คงต้องย้อนกลับไป 1.0 ก่อน คือประเทศไทยมีการพัฒนาตามหลัก 3 ยุค มาแล้ว สังคมแรก ๆ สมัยก่อน ๆ นี้ หลายสิบปีมาแล้วเป็นสังคมเกษตรกรรม บ้านเมืองเป็นเกษตรกรรม แล้วใช้แรงงานอย่างเดียวยังไง ใช้เกษตรกรออกแรง ทำไร่ทำนาอะไรทำนองนี้ พอ Thailand 2.0 เริ่มมีภาคอุตสาหกรรมเข้ามาแล้ว เข้ามาอาจจะเป็นอุตสาหกรรมเบาบ้าง อะไรบ้าง อันนี้ก็เอาเครื่องจักรมาช่วยงาน มาช่วยงานเกษตรกร หรือแรงงาน พอมาอีกช่วงหนึ่ง Thailand 3.0 ไปสู่การมีอุตสาหกรรมหนักเข้ามา มีการลงทุนจากต่างประเทศบ้างอะไรบ้าง วันนี้เจริญเติบโตมาสักเท่าไรล่ะ ถ้าพูดถึงการพัฒนาเศรษฐกิจ อยู่ระยะนี้มานานพอสมควร ประมาณสัก 20 ปี  ไม่ได้ปรับ ไม่ได้เตรียมมาตรการลดความเสี่ยงจากภายนอก ที่มีเศรษฐกิจโลกตกต่ำอะไรทำนองนี้ เรายังเข้มแข็งไม่พอ เพราะเรายังติดอยู่ตรง 3.0  เพราะฉะนั้นเราต้องก้าวไปสู่ 4.0 ให้ได้ 3.0 นั้นเกิดปัญหาอะไรก็คือว่า เราไปเน้นการพัฒนามิติเศรษฐกิจ มิติสังคมหายไป เสียสมดุล เสียเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ป่าถูกบุกรุกอะไรแบบนี้ เอามาคิดใหม่ทั้งหมดถึงได้ออกมาเป็น 4.0 คือยุคต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ ทำอย่างไรประเทศจะพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง อย่างแท้จริง

คำว่าปานกลางคือทั้งหมดต้องขึ้น ปานกลางขึ้นมาเฉพาะตรงข้างบน ตรงข้างล่างค่อนข้างจะต่ำอยู่ ผู้มีรายได้น้อย ไปติดกับดักอะไรอีก ความเหลื่อมล้ำ ความไม่สมดุลของการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืนต่าง เกิดขึ้นเร็ว แล้วพังบ้าง อะไรบ้าง ล้มบ้าง ต้องสร้างความเข้มแข็งทุกอันตอนนี้ เพราะฉะนั้นวันนี้ต้องพัฒนารูปแบบของการลงทุน โครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทยใหม่ ที่เรียกว่า  New Economy Model

เศรษฐกิจ รูปแบบใหม่ ก็คือเราต้องใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือทำอะไรตาม ต้องมีเหตุมีผล มีพอประมาณแล้วมีภูมิคุ้มกันที่ดีภายใต้เงื่อนไข ความรู้ และคุณธรรม คงเข้าใจแล้ว พูดหลายครั้งแล้ว ทำอะไรต้องมีสติ พูดง่าย ๆ  ต้องระมัดระวัง ในการลงทุน ในการใช้จ่ายเงินอะไรทำนองนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องประหยัด ไม่ใช้เงินกันเลย ไม่ใช่คนละเรื่องกัน นั่นคือหลักการเรื่องประหยัด เรื่องออม อันนี้เป็นเรื่องของใช้จ่ายพอตัว เราใช้หลักการของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมานำในการทำ งานในวันนี้ เพราะฉะนั้นกระบวนการพัฒนาประเทศไทยภายใต้“ประเทศไทย 4.0” Thailand 4.0  จะต้องสอดรับกับ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี นี่คือความสำคัญของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพราะต้องพัฒนา 20 ปีต่อไปแล้ว ที่ผ่านมาเราใช้ 1-2-3 มา 10 ปี 20 ปี มาจากอดีต ย้อนมา วันนี้เราติดอยู่ตรง 3   วันนี้เราต้องคิดว่า 4 จะต้องอยู่อีก 20 ปีต่อไป เพราะไม่ใช่ง่าย ๆ เราเริ่มวันนี้แล้ว ความสำคัญยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แล้วก็แผนการขับเคลื่อนและการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ เราใช้แนวทางประชารัฐ  ที่ผ่านมารัฐก็เป็นผู้ให้ส่วนใหญ่ ประชาชนก็ไม่ค่อยเข้มแข็ง เพราะว่าเขาเคยชินกับการช่วยเหลือ

วันนี้ ต้องสร้างให้เขาคิดเป็น แต่ลำบากเหมือนกัน เพราะว่าชินกับแบบนี้มานาน รัฐบาลก็ต้องอดทน ประชาชนก็ต้องอดทน ประชาชนอาจจะร้องเรียนบ้างอะไรบ้าง เพราะว่าประเทศเราอย่างที่บอก คนประกอบอาชีพรายได้น้อยนี่ 40 ล้านคน เท่ากับประเทศบางประเทศเขามีเลย บางประเทศมีคน 4 ล้าน 5 ล้าน 6 ล้าน 10 ล้าน ประมาณนั้น ประเทศอาเซียนที่รวยที่สุดในอาเซียน มีคน 4-5 ล้านเอง เรามีเกือบ 70 ล้าน ต่างกันตรงนี้ มันทำง่ายทำยาก  เพราะฉะนั้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ต้องปฏิรูปทั้งหมด ทั้งโครงสร้าง ทั้งในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นในภาคธุรกิจ เกษตรกร หรืออาชีพอิสระ หรือว่าอื่น ๆ ทั้งหมด ต้องพันไปอีกหลายเรื่อง เรื่องการศึกษา เรื่องแรงงาน มากมายไปหมด ต้องเตรียมการให้พร้อม ไม่เช่นนั้น 20 ปีข้างหน้าเราเดินไม่ได้

 

ถาม : แล้วอะไรจะเป็น New Engines of Growth เรื่องของเครื่องยนต์ที่จะสร้างการเจริญเติบโตในอนาคต  โดยเฉพาะศตวรรษที่ 21 ตอนนี้

นรม.  : เราต้องมองว่าโลกเขาเป็นอย่างไร วันนี้โลกเขาเป็นอย่างไร เข้มแข็งอย่างไร รายได้ประเทศเขามาอย่างไร ส่วนใหญ่เขามาจากผลิตผล ผลิตภัณฑ์ที่เขามีราคาสูง ของเราเป็นการเกษตรเกือบทั้งหมด เราจะทำยังไงให้สินค้าของเรามีมูลค่า ขณะเดียวกันต้องมีอาชีพให้กับเกษตรกรเป็นอาชีพเสริม อาชีพทางเลือก ให้เขาด้วย ก็ต้องมีเรื่องการลงทุนจากต่างประเทศบ้าง ในประเทศบ้าง อุตสาหกรรม วันนี้เรากำหนดไว้ในแผนของเราคือเราลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทุกระบบ อันที่ 1 สร้างความเชื่อมโยง ถนนหนทางรถไฟ รถไฟฟ้า อะไรเหล่านี้ อันนี้คงพูดอีกยาว เอาแค่นี้ก่อน

แต่อุตสาหกรรมที่ปัจจุบันคือ 10 อุตสาหกรรม ที่เป็นเป้าหมายของรัฐบาล 5 กลุ่มอุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพอยู่แล้ว ของเดิม เพียงแต่พัฒนาเทคโนโลยีให้มากขึ้น อันนั้นพูดไปแล้วหลายครั้งแล้ว ต่อไปก็ต้องส่งเสริม เรียกว่า  New Startups  แล้วส่งเสริมผลักดัน 5 กลุ่มอุตสาหกรรมของอนาคตนี่ไง ในเรื่องของหุ่นยนต์  เรื่องต่าง ๆ “STEM ศึกษา” ก็ต้องเร่งพัฒนา ในเรื่องของวิทยาศาสตร์ เรื่องคณิตศาสตร์ เรื่องเทคนิคเขียน สร้างนักวิจัย นักพัฒนาแล้วก็ในเรืองของการก่อสร้าง เพราะว่าเราจะต้องลงทุนเรื่องราง เรื่องอะไรต่าง ๆ ด้วย คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบเรียนเลข กับวิทยาศาสตร์ ไม่ค่อยชอบ วันนี้ต้องกลับมาแล้ว รัฐบาลจะส่งเสริมตรงนี้ด้วย ก็แล้วแต่ท่าน ผมก็พยายามจะเริ่มต้นให้ท่าน ให้ท่านคิด แล้วท่านมีงานทำยังไง สำคัญคือเรียนแล้วต้องมีงานทำ

วันนี้เราก็คาดหวัง 20 ปีข้างหน้า ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 5 แผนของสภาพัฒน์ฯ จะเกิดคนรุ่นใหม่ยังไง แล้วก็จะสอดคล้องกับ 4.0 เรานี่ยังไง ต้องคิดให้เป็นอย่างนี้ ถ้าเราคิดสั้น ๆ ง่ายๆ ปีเดียวก็จบ ทำได้แค่ไหนแค่นั้น แล้วต่อเนื่องไหมล่ะ ไม่ต่อเนื่อง เหมือนน้ำไหลลงมาแล้วไม่มีเส้นต่อ เหมือนเส้นเลือด เส้นเดียวลงมาอย่างนี้ร่างกายไปไม่ได้ ต้องมีเส้นเลือดใหญ่ เส้นเลือดกลาง เส้นเลือดเล็ก ของเขา ผมก็คิดง่าย ๆ ของผม เราต้องสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เราในทุกมิติ อาหารจะทำยังอย่างไร ผลผลิตทางการเกษตรทำอย่างไร เพิ่มนวัตกรรม  นวัตกรรม คือทำใหม่ คิดใหม่ อะไรที่ทำไว้แล้วเดิม ยกตัวอย่างง่าย ๆ ทำผ้าขาวม้า ขายผ้าขาวม้าไม่ไหว ขายผ้าขาวม้าก็ขายไปด้วย เอาผ้าขาวม้ามาทำกระเป๋าได้ไหม เอาผ้าขาวม้ามาทำเครื่องแต่งกาย วันนี้ก็พัฒนาไปหมด นี่อันเดียว หลายอันที่สั่งไปทั้งหมด เกิดมาแล้ว หลายอย่างแล้วก็ OTOP ด้วย

เอาสินค้าที่มีอยู่ในแต่ละภูมิภาคมีความ แตกต่างกันอยู่แล้ว วัสดุต้นทุน การผลิตต่างกันอยู่แล้ว เอามาทำ ออกแบบให้ทันสมัย โมเดิร์น หน่อย ตอนนี้ขึ้นไปขายบนเครื่องบินแล้ว ประมาณสักเกือบ 100 อย่าง กำลังจะทำอยู่น่าจะเรียบร้อย โดยเร็ว ก็ให้ทางการท่าอากาศยาน การบินไทย เอาขึ้นไป เราจะต้องสร้าง “ภูมิปัญญาไทย” ให้ได้ นักวิจัยพัฒนาไทยรุ่นใหม่ให้ได้ ผมเห็นเด็ก ๆ เอามาแสดงที่ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ตลาดรัฐบาล  ผมเพียงแต่คิดเท่านั้นเอง คนไปเรียกว่าตลาดนายกฯ ไม่ใช่ ตลาดของประเทศ ของพวกเรา เพราะฉะนั้นเราต้องสร้างภูมิปัญญาไทย ให้เขารู้คุณค่า เขาทำแบบนี้มา ประเทศจะได้ประโยชน์อะไร รัฐบาลก็ไปหาให้เจอ ต่างคนต้องหาตัวเองให้เจอ ที่ผ่านมาค่อนข้างจะหลงทางกันไปกันมา รัฐบาลจะได้ลดภาระลงไปบ้าง แต่แล้วก็ไปส่งเสริมในกิจกรรมที่ควรจะส่งเสริม ที่เรามีศักยภาพ มีวัสดุต้นทุนอยู่แล้วนี่ ถ้าเราไปส่งเสริมเลอะเทอะไปหมด ใช้เงินไม่ไหวทุกคนก็เรียกร้องว่าใช้เงินมาก ๆ ให้การวิจัย แล้ววิจัยอะไร วันนี้ทุกอย่างรั่วหมด ทุนวิจัยทำยังไง ต้องการอะไร ประเทศต้องการอะไร ต้องการคนยังไง ต้องการผลผลิตอะไร จัดกลุ่มอยู่ขณะนี้ เอามาขึ้นแล้ว ของเดิมมีอยู่หลายพัน เอามาเลือก ๆ แล้วก็อะไรที่ทำได้ ไปสู่การผลิต ตอนนี้เคาะฝุ่นออกมาแล้ว

 

ถาม : เรามีอุตสาหกรรมที่ถือว่ามีศักยภาพ แล้ว ณ ขณะนี้ท่านนายกฯ คะ แล้วก็ประสบความสำเร็จ เป็นตัวชูเศรษฐกิจ ของไทยได้อยู่เหมือนกันนี่ มีอะไรบ้างคะท่านนายกฯ

นรม. : ถ้าพูดถึงอันแรก คือเราเป็นศูนย์กลางของการผลิตรถยนต์ อีโคคาร์  แล้ววันนี้ผมก็มีการพูดคุยกับหลายบริษัท ต่างชาติที่มาคุยกันที่รัฐบาล เขามีความยินดีที่จะขยายการลงทุนในประเทศไทยต่อไป ในเรื่องของรถไฟฟ้า เรื่องไบโอดีเซล แล้วเรื่องการวิจัยและพัฒนา ซึ่งเราก็ต้องปรับแก้กฎกติกาของเรา กฎหมายของเรา ไม่ใช่ว่าเราจะให้เขาไปเลยทั้งหมด ไม่ใช่ เราต้องแก้ไขกฎ กติกา ระเบียบ ด้านภาษี ด้านการลงทุน สิทธ์ประโยชน์ให้เขาน่าสนใจยังไง เหมือนขายของ ถ้าไม่มีแรงจูงใจจะขายได้หรือไม่ เหมือนขายของก็ต้องมีห่อสวย ๆ มีภาพลักษณ์ดี ๆ สีสวยๆ คนถึงจะซื้อ เหมือนกัน เราก็ต้องมีการลงทุนแบบนี้ ขอให้คนไทยวางใจ  ผมไม่ได้เอาที่ดินไปให้ใคร ใครขายใครต่าง ๆ ไม่ใช่ ก็เป็นระบบแบบนี้ทั่วโลก ถ้าเราเป็นประเทศประชาธิปไตยก็ต้องเป็นแบบนี้ ต้องยอมรับการเสรีในการแข่งขันในการลงทุน ทำยังไงให้เขาเกิดความเป็นธรรม เราอย่าไปมีผลประโยชน์กับเขาเท่านั้นเอง อันนี้เรื่องรถยนต์

ต่อไป เป็นเรื่องของผลผลิตทางการเกษตร เรามีข้าว เรามี ยาง ปาล์ม อ้อย ปลูกมากมาย  บางทีมีจำนวนมากกับความต้องการ ดีมานซัพพลายไม่สมดุลกัน ต้องปรับอีก พี่น้องประชาชนก็เดือดร้อน ทำยังไงของที่เรามีอยู่มาก ๆ  มีมูลค่า ก็นำมาสู่การผลิตในประเทศ อันนี้เราก็กำลังสร้าง โรงงาน เช่น Rubber City  ไปสอดคล้องกับเรื่องรถยนต์ จะผลิตไบโอดีเซล B16 B20 ได้ไหม มีส่วนผสมน้ำมันปาล์มมากขึ้น มาใช้ทางนี้ ก็ต้องไปดูเรื่องเครื่องยนต์ ที่จะใช้น้ำมันปาล์มเหล่านี้ได้ ไม่ใช่โน่น ไม่ใช้นี่ ไม่ได้ ถึงจะมีมูลค่ามากขึ้น ไม่ใช่ขายข้าวคือข้าว แล้วเราต้นทุนการผลิตสูงหรือไม่ ใช้น้ำมากกว่าเขาหรือไม่ ต้นทุนต่อไร่สูง 4- 5 พัน แล้วขาย 7 พัน ไหวหรือไม่ แล้วกว่าจะได้ข้าง 4 เดือน 6 เดือน 8 เดือน ไม่ไหว ทำยังไงข้าวที่มีอยู่ ก็ต้องมาแปรรูปกัน ข้าวคุณภาพ ข้าวอินทรีย์ หรือไปทำอะไรที่น่าจะทางเป็นอาหารเสริมสุขภาพ ทำนองนี้
สั่งการไปหมดแล้ว ก็เริ่มมาขายกันมาก กลัวล้นตลาดอีกเหมือนกัน ต้องไปต่างประเทศ เรื่องยางกำลังตั้ง Rubber City ที่สงขลาหลายบริษัทร่วม พร้อมที่จะลงทุน แล้ววันนี้ให้โรงงานในประเทศไทยยางที่รับซื้อมาส่วนหนึ่ง ให้เขาเอาไปเป็นต้นทุนการผลิต แล้วก็กลับมาสู่สิ่งที่เราใช้ตามกระทรวงต่าง ๆ แก้กฎหมาย ให้เขาใช้งบประมาณได้ เหล่านี้เป็นงานที่ต้องผูกพัน นี่เขาเรียกว่าความเชื่อมโยงถ้าเราทำแบบเดิม ก็จะเป็นเสี้ยว ๆ แล้วผลผลิตไม่ได้ แมสของวัสดุต้นทุนก็ไม่หมดไป ตลาดก็ไม่ร่วมกัน นวัตกรรมก็ไม่เกิด วันนี้ทำทุกอย่าง ถึงยาก แต่ก็ทำ เรามีความก้าวหน้าตามลำดับ

 

 

ถาม  : เรื่องของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อันนี้เป็นจุดเด่นมากแล้วก็ยังเป็นพระเอกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วย

นรม. : ถึงแม้จะมีมาก คนมาเที่ยวมาก มีรายได้อะไรต่าง ๆ เราก็ยังไม่พอใจ คำว่าไม่พอใจคือเพื่อนเรายังไม่โต เศรษฐกิจของประเทศอาเซียนด้วยกัน หรือประเทศอื่น ๆ ที่มาพบผม เขาบอกว่าทำอย่างไรไทยจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้เขาบ้าง เขาอยากจะมีรายได้ที่สูงขึ้น อยากยกระดับ ไม่ใช่เรารับจากเขามาข้างเดียว

นี่เพื่อนเราขอมา ผมก็บอกเอาอย่างนี้ ผมคิดเร็ว ๆ ว่า ถ้าเราทำ คลัสเตอร์ ของการท่องเที่ยวให้ได้ 4-5 อย่างนี่ สุขภาพบ้าง โบราณสถานบ้าง มารักษา พยาบาลอะไรเหล่านี้ ให้แยกออกจากัน ธรรมชาติ ป่าเขา มีสัก 6 อย่างมั้ง 6 คลัสเตอร์มั้ง กระทรวงท่องเที่ยวเขาทำอยู่  พอทำอย่างนี้มาคนก็จะมาไทยเยอะ ผมก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นจะทำเป็น แพคเกจ ต่อได้ไหม เช่นเขามาไทย แล้วไปรอบบ้านไทยนี่ ต่อได้ไหม เขาเห็นด้วย ก็จะเกิดทั้งต้นทาง กลางทาง แล้วก็ปลายทาง จะเกิดเป็นแมสขึ้นมา เขาก็ขึ้นตรงกลาง เราก็ได้ นี่เขาก็ได้ด้วย เช่นเดียวกัน ผมก็คุยกับประเทศทางลาตินอเมริกาบ้าง ทางตะวันตก ตะวันออก ผมบอกไปสร้างตรงนี้ ก็เป็นช่องทาง เป็น เกจ ระหว่างการเปิดประตูการท่องเที่ยวระหว่างกัน ท่านก็ไปสร้างเครือข่ายของท่าน ผมไปบ้านท่าน แล้วท่านก็จัดคนเหล่านี้ไปต่อตรงโน้น แล้วเพิ่มเที่ยวบิน ก็มีความก้าวหน้าตามลำดับ หลายประเทศเขาร่วมมือกับเราดี หลายประเทศจริง ๆ เพราะฉะนั้นวันนี้ เราต้องบอกว่าเศรษฐกิจของเรานี่มันอยู่ได้ด้วย คือประชาชนมีเงินใช้ได้ด้วย เรื่องความต่อเนื่องที่ได้มาจากการท่องเที่ยวใช่ไหม เงินก็อยู่ในประเทศเรานี่แหละ ก็เป็นมูลค่ามหาศาลที่ผ่านมาเป็นรายได้มาก ปี 58 เราใช้เงินลงทุนไปประมาณ 1,200 ล้าน แต่นำเงินเข้ามา 2.23 ล้านล้านบาท มากกว่าปี  57 ถึง 19% ปี 57 เผอิญคนไม่อยากเที่ยวด้วย ทะเลาะกัน ขัดแย้งกัน ผมเข้ามานี่ มากขึ้นมาเรื่อย ๆ มากกว่าปี 57 19% ปี 58 เป็นรายได้ประเทศ 16% ของจีดีพี ตัวเลขมาก

องค์การท่องเที่ยวโลกแห่ง สหประชาชาติ บอกว่าสถิติตัวเลขนักท่องเที่ยวในไทย ปี 2558 จำนวน 30 ล้านคน เพิ่มขึ้น 20%  เขาดูเราอยู่ เป็นอันดับที่ 11 ของโลก โลกมีเกือบ 200 ประเทศ เรา 11 นี่ถือว่าต้น ๆ แล้ว แต่รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ เพิ่มขึ้นอีกเหมือนกัน จำนวน 1.57 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เป็นอันดับที่ 6 ของโลกเลย 1 ใน 10 เลย

แล้วสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลกอีก ประเมินว่าในปี 2558 นักท่องเที่ยว จะเข้ามาประเทศไทยเป็นอันดับที่ 4 ของโลกเข้าไปอีก  เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 10 ของโลก อันนี้เราก็ต้องแสวงหาความร่วมมือแต่สิ่งสำคัญก็คือรักษาความปลอดภัย และแก้ไขปัญหาเรื่องการหลอกลวง ทุจริต เรื่องเถื่อน เรื่องผี ทั้งหมด ผมแก้หมดเลย มันยากแต่โอเค ก็ถือว่าวันนี้เราได้รับความไว้วางใจ ต้องช่วยกัน

การประชุมร่วมกับผู้แทนสมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เดี๋ยวผมก็จะหางบประมาณลงไปส่วนหนึ่งในส่วนนี้สามารถเอาไปใช้ในเรื่องของ ดูแล ส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวท้องถิ่นได้ด้วย เป็นเงินไม่มากหรอก เรื่องถนน เรื่องที่จอดรถ อะไรเหล่านี้ ก็มีกติกาอยู่ จะลงไปให้ อปท. เขาไปทำส่วนหนึ่งแล้ว แล้วเดี๋ยวจะให้ไปกับใคร กำนัน ผู้ใหญ่บ้านซึ่งถือเป็นการปกครองส่วนภูมิภาคที่ข้างล่างอยู่กับประชาชน ถ้าทุกคนร่วมมือกันอย่างนี้ รัฐเอกชน ธุรกิจ ไปประชารัฐข้างล่าง แล้วขับเคลื่อนโดยทั้งรัฐ ทั้งประชาสังคมทั้งเอกชนธุรกิจที่ลงไปข้างล่างด้วยแล้วก็ในพื้นที่ด้วย ประชาชนร่วมมือ ไปได้หมด

 

ถาม : ค่ะ แต่ถ้ามีตัวอย่างจะดีมากค่ะท่านายกฯ มีตัวอย่างที่ท่านนายกอยากจะชื่นชมไหมคะว่าการเข้าไปสนับสนุนกลไกประชารัฐ แล้วประสบความสำเร็จแล้วจะเป็นตัวอย่างให้ท้องถิ่นหรือว่าชุมชนอื่น ๆ ได้

นรม. : คือถ้าพูดถึงผลสำเร็จในเรื่องของประชารัฐ มีหลายอย่าง ก่อนจะไปเรื่องการท่องเที่ยวไปอุทยานอะไรที่ว่านี่ ผมอยากจะเล่าให้ฟังว่ามีทั้งในเรื่องของการเอาเงินทุนลงไป ที่ให้กองทุนลงไป 1 ล้านบาทบ้าง 5 ล้าน กองทุนเหล่านี้ ไปสร้างสิ่งพวกนี้เกิดขึ้นมา การบริหารจัดการน้ำเกิดขึ้นในประมาณสัก 300-400 หมู่บ้าน ตอนนี้เขาบริหารจัดการน้ำเองได้แล้ว ประชาชนเขาร่วมมือกัน ขอให้หาน้ำให้เขาเดี๋ยวเขาไปหาท่อ หาวิธีเปิด – ปิด ของเขาเขามีน้ำเพียงพอนี่ไม่เดือดร้อน แต่เป็นการเริ่มต้นมาแล้ว ประชาชนเขารับได้

อันที่สองเป็นเรื่องการสร้างความเข้มแข็งในชุมชนใน เรื่องของการเกษตร แก้ปัญหาเรื่องน้ำแล้ง เรื่องน้ำน้อยอะไรทำนองนี้ ปลูกพืช แก้ไม่ได้ 100% อยู่แล้ว เพราะปัญหาหมักหมมกันมายาวนาน แล้วโชคร้ายก็คือฝนตกน้อย ที่ผ่านมา ปีนี้ก็คาดหวังยังไง คาดหวังลานินโย่ จะเกิดขึ้น คือฝนจะตกมากขึ้น ในเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน   ถ้าไปเกิดช้าไปตรงท้ายไป กันยายน – ตุลาคม ไปเกิดใต้เขื่อนไง ฝนจะไม่กักเก็บได้ แต่เราก็ไปขุดน้ำรอไว้หมดเลย เงินบางส่วนก็ขุดเก็บ ๆ น้ำบ้างอะไรบ้าง คือเรื่องประชารัฐ ความร่วมมือ เขาคิดเอง รัฐบาลไม่ใช่ผู้กำหนด ต้องทำโน่นทำนี่ เขียนกรอบไว้เฉย ๆ

 

ถาม :  แสดงว่าเขาเข้าใจปัญหา

นรม. : เขาเข้าใจแล้ว เข้าใจ แต่มากน้อยยังต่างกันอยู่หน่อยหนึ่ง บางทีพวกนี้ได้ พวกนี้ไม่ได้ ได้ทั้งหมดไม่ได้ เช่น ถ้าเป็นเรื่องการลงทุน ทำถนน ได้ถนนบางเส้น ไม่ใช่ถนนทั้งหมด อันไหนก่อนก็ไปคิดกันเอาเอง แต่คนที่ได้แล้ว ต้องนึกถึงคนที่ยังไม่ได้ คราวหน้าถ้ามีเงินจะทำยังไง รัฐบาลก็ต้องไปดูในงบฟังชั่นอะไร รายจ่ายประจำไปทำเติมให้เขา คือต้องสอดรับกันทั้งหมด เงินรายจ่ายประจำ การลงทุนพื้นฐาน อันนี้คือเงินก้อนของการบริหารงบประมาณประจำปีทุกกระทรวงทำอยู่แล้ว อันนี้เป็นงบAgenda ที่ผมต้องการแก้ไขก็ใส่ลงไป 1 ล้าน 3 ล้าน ต่อไปก็เป็นหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 3 แสนหรือยังไงใช่ไหม ตัวเลข ถ้าจำไม่ผิด ประมาณนี้ตัวเลข ให้เขาคิดเอง โครงการเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วก็สร้างงานของเขาเอง บางอันก็มีเรื่องการจ้างงานด้วย อีกส่วนหนึ่งก็ไปทางกระทรวง ตรงไหนทำอะไรไม่ได้เลย ปลูกพืชน้ำน้อย น้ำมากอะไรก็ไม่ได้ ก็จ้างงาน ขุดลอกคูคลอง หนองน้ำ อะไรก็ว่าไป ให้เขามีรายจ่าย ต้องนึกถึงเขาวัน ๆ ไม่รู้หากินที่ไหน

ถ้าเรื่องท่อง เทียว ที่สำเร็จมากที่สุดตอนนี้คือเรื่องของการร่วมมือในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ก็เข้มงวดการใช้กฎหมาย ผมให้ออกระเบียบ ออกการใช้จ่าย หยุดการใช้อะไร ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุล ไม่ใช่ใช้โครมครามจนเสียหาย ไม่ได้ กำชับเจ้าหน้าที่ไปไม่ว่าจะเป็นเกาะ หรือเป็นอะไร มีตัวอย่างอันที่หาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เราได้ใช้มาตรการ “พีพีโมเดล” ทำให้เกิดรายได้ในธุรกิจการท่องเที่ยวแบบนี้ ตุลาคม 2558 ถึงสิ้นสงกรานต์ ได้ 300 ล้านบาท  เพิ่มกว่าเดิมในปีที่แล้ว 200 กว่าล้าน ก็เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้นได้ทุกอย่าง ถ้าทุกคนร่วมมือ นี่คือคำว่าประชารัฐ แล้วประสานพลังกับพวกภาคธุรกิจเอกชนด้วย เขาก็พร้อมจะลงมาช่วยเรา มี 12 กลุ่ม วันนั้นก็ประชุมไปแล้ว เห็นหรือไม่ ไม่ใช่ผมไปเอื้อเขา เอาเขามาเอื้อกับประชาชน นั่นแหละคือสิ่งที่ผมทำ

 

ถาม : ค่ะในเมื่อมีพื้นที่ที่ประสบความสำเร็จ แล้วพื้นที่อื่น ๆ จะไม่ประสบความสำเร็จได้อย่างไร ก็ได้เหมือนกันนะคะ

นรม. : ก็ต้องได้ แต่ต้องใช้เวลายังไง วันนี้บางอันไปไม่ได้เพราะน้ำยังไม่ถึง อยู่นอกเขตชลประทาน ยังไงก็ไปไม่ถึงแน่เพราะพื้นที่สูง บางพื้นที่ก็ปลูกไม่ได้ ปลูกข้าวไม่ได้ ปลูกข้าวได้น้อย เขาฝืนปลูกกันมาตลอด เพราะไม่มีคนไปสร้างการเรียนรู้เขาไง วันนี้ผมทำเอกสารเป็นเล่มโดยให้กรมประชาสัมพันธ์รวบรวมมา แจกไป 2 หมื่นเล่ม เป็นการเปลี่ยนแปลงการปลูกพืชที่สำเร็จแล้ว โดยชาวบ้านเป็นคนแนะนำเอง อะไรเอง ผมก็ให้ไปถ่ายรูปมา แล้วรายได้เขาเพิ่มขึ้น เพื่อชักจูงเขา สร้างใจเขาให้ทำแบบนี้ ไปดูกัน เขาต้องเรียนรู้ เพราะรัฐพูดบางทีก็ไม่ค่อยเชื่อ บอกน้ำจะไม่มาก็จะปลูก พอปลูกเสร็จแล้วเสียหายก็รัฐต้องช่วย รัฐก็ไม่มีเงินมากขนาดนั้น ถ้าทำแบบนั้น ผมไม่ต้องการให้ประชาชนไม่เข้มแข็งอีกต่อไป เขาต้องเข้มแข็งด้วยตัวเขาเองก่อน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงรับสั่งไว้แล้วว่า “ต้องระเบิดจากข้างใน” คือใจของเขาเอง เขาต้องการอย่างไร แล้วรัฐก็ไปชี้นำเขา สนับสนุนเขาประชาชนก็จะเข้มแข็งด้วยตัวเอง ในวันนี้จากเดิม 30 กว่าจังหวัด วันนี้ลดลงเหลือประกาศภัยแล้งเหลือ 27 จังหวัด 4,911 หมู่บ้านคิด เป็น 6.55% ของหมู่บ้านทั้งหมด หมู่บ้านทั้งหมดมีประมาณ 70,000 – 69,000  น้อยกว่าปี 2558 ปี 2558 มีภัย แล้ง 34 จังหวัด 10,000 กว่าหมู่บ้าน น้อยที่สุดในรอบ 4 ปี เพราะฉะนั้นข้อมูลการทำฝนเทียมผมก็เร่งฝนเทียม บินขึ้น บินลง บินหลายร้อยเที่ยว ช่วงกุมภาพันธ์ ถึงสงกรานต์ ผมอยากให้ฝนตก ลองไปบิน ตรงไหนที่มีเมฆ มีความชื้นเพียงพอ 537 เที่ยวบิน มีฝนตกประมาณร้อยละ 77 ของจำนวนเที่ยวบิน ในพื้นที่ 41 จังหวัด ได้น้ำประมาณสัก 50 ล้านลูกบาศก์เมตร พอบรรเทาไปได้บ้าง แต่ไม่ทั่วถึงไง เพราะมีในเขตชลประทาน นอกเขตชลประทาน นี่มีระบบส่งน้ำ ข้างนอกก็ใช้น้ำฝน เพราะฉะนั้นที่ผ่านมา แหล่งกักเก็บไม่พอเพียง เราก็ต้องไปขุดกักเก็บเพิ่ม ตอนนี้ก็ขุดไปได้ 2-3 พัน แห่งแล้ว ก็คิดว่าฝนหน้าน่าจะดีถ้าใน ประเทศดี ต่างประเทศเขาเข้ามา เขาเห็นความสวยงาม งดงาม ความไม่แห้งแล้ง ผมว่าคือภาพลักษณ์อันที่ 1 อันที่ 2 คือในเรื่องของธรรมชาติเราเช่น ป่าเขา วันนี้ทำทุกอย่างเลย ต้องแก้ปัญหาเรื่องป่าบุกรุกอะไร ต่าง ๆ ทั้งหมด นอกจากวัฒนธรรมประเพณี ความสวยงามบ้านเมือง ประชาชนแล้ว สิ่งสำคัญคือความมีเสถียรภาพของรัฐบาล

เรื่องป่านี่สำคัญที่สุด ต้องดูทั้งป่าต้นน้ำ ป่าเสื่อมสภาพ แล้วเรื่องจัดสรรที่ดินให้ประชาชน ในลักษณะที่ไม่ให้เป็นกรรมสิทธิ์ เป็นแปลงรวมอะไรทำนองนี้ บูรณาการหมด ไม่ใช่ป่าคือกระทรวงทรัพยากรอย่างเดียว มีใช่ วันนี้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตร กระทรวงศึกษาธิการ ต้องทำทั้งหมด ร่วมกันสร้างป่า ป่าในใจคน ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ของพระเจ้าอยู่หัว ทำทั้งหมด เรื่องน้ำของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นน้ำ สมเด็จฯ ทรงเป็นป่า ทำนองนี้ ทำทั้งหมด เอามาใช้เป็นหลักการ แล้วก็ต้องสร้างความเข้าใจทุกภาคส่วน จัดระเบียบคน ป้องกันรักษาป่า ฟื้นฟูระบบนิเวศน์ พัฒนาส่งเสริมอาชีพ ให้สอด คล้อง สมดุลกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่สิ้นเปลือง ไม่เสียหาย แล้วทำยังไงจะส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง ของการป้องกัน บรรเทา ช่วยเหลือภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น พายุฤดูร้อนเหล่านี้ ต้องช่วยกันทำ

นรม. : วันนี้ปัญหาต่างประเทศเราหรือที่สำคัญที่ผมต้องแก้ให้เร็วที่สุดคืออะไร IUU

http://vms.fisheries.go.th/wordpress/

http://vms.fisheries.go.th/wordpress/

ถาม : ค่ะประมงปิดกฎหมาย

นรม. : ประมงผิดกฎหมายมานานแล้ว  เรือเกินยอด ไม่ขึ้นทะเบียนอะไรต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นการปล่อยปละละเลยที่ผ่านมา ผมไม่โทษใคร วันนี้ผมต้องทำยังไง แล้วคิดว่าง่ายหรือไม่ เดือดร้อนไปหมด เพราะคนเคยได้ ไม่ได้ ผมก็ได้แต่ขอร้องว่า อย่าทำเลย เรามาทบทวนที่ผ่านมากำไรสักเท่าไร วันนี้ถ้าเขาเกิดไม่ซื้อเราเลยจะเสียหายไหม ทุกคนต้องยอมสละกันบ้าง

11738062_939734112755524_4339640584426051378_nตอน แรกเราให้ ศปมผ. เข้าไปแก้ปัญหา ช่วยเขา วันนี้ก็กลับไปให้กระทรวงดูแลแล้ว ให้ ศปมผ. เป็นผู้ช่วย เดิมให้ ศปมผ. ไปขับเคลื่อนระยะแรก วันนี้ถึงเวลาผมแก้คำสั่งไปแล้วให้กระทรวงเกษตรรับผิดชอบโดยตรง ก็มีหลายหน่วยงานในนั้น เป็นงานโดยตรงของกระทรวงเขา ต้องแก้ปัญหาทั้งกฎหมาย กฎหมายทราบไหมเรื่องประมงเท่าไรจะต้องทำ 90 กว่าฉบับ  แล้ว 90 กว่าฉบับที่ว่านี่ต้องมีกฎกระทรวง มีอะไรตามอีกเยอะแยะ ระบบ ระเบียบหน่วยงานหายไป ไม่มี เพราะฉะนั้นก็ช้า เขาจับตาดูเราอยู่ เรื่องระบบ GPS ที่ติดเรือ ขึ้นจอเรด้า เหล่านี้ต้องรู้หมด ต้นทาง ไปมาที่ไหน การบังคับใช้กฎหมายก็ต้องเข้มงวด ก็เดือดร้อน ไปถึงภาคอะไร ประมงพื้นบ้านด้วย ต้องช่วยกันทั้งหมด

ต่อไปเรื่องความร่วมมือระหว่าง ประเทศเรื่อง ICAO  การบินด้วย ทำไมปัญหามากนักไม่รู้ เดิมใช้ ศบปพ. ศูนย์บินของ ทอ. ไปช่วยทหารอากาศไปช่วย เหมือนกับไปอำนวยการ วันนี้ไม่ได้แล้ว เอากลับมาให้กระทรวงคมนาคม แล้ว ศบปพ. เข้าไปช่วย คือเป็นร่มเดียวกัน จะได้รับผิดชอบกันโดยตรงใช่ไหม ปัญหาอะไรอีกหรือไม่

 

ถาม : อย่างเรื่องปัญหาจังหวัดชายแดนภาค ใต้ ตอนนี้ท่านนายกฯ ห่วงแค่ไหนคะ   

นรม. : ห่วงที่สุดในโลก ห่วงมาตั้งนานแล้ว ห่วงตั้งแต่เป็น ผบ.ทบ. แล้ว ห่วงก่อน เพราะเกิดตั้งแต่ปี 2547 เกิดจากอะไรก็ไปหาเอา ทราบดีอยู่แล้ว หลัง 2547 มาแล้วก็พัฒนาแก้ไขมาตลอด คราวนี้ปัญหาคือความร่วมมือยาก ตรงที่ว่าคนต่างศาสนากัน แล้วก็มีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งทำให้เกิดความแตกแยก ใช้ศาสนามาเป็นเครื่องมือทำนองนี้ แล้วก็อ้างโน่น นี่มา ซึ่งจริง ๆ เราก็ยอมรับว่า ในสมัยนั้นต้องยอมรับว่ารัฐนี้ก็การพัฒนาไม่เต็มที่ มีความแตกต่าง มีความเหลื่อมล้ำ วันนี้พยายามให้แก้ไข แต่ติดตรงที่ว่าไม่ปลอดภัย พอเกิดเหตุการณ์แล้วไม่ปลอดภัย การลงทุน แก้แล้วแก้อีก แก้ระเบียบ สิทธิประโยชน์ ก็ไม่มีใครลงทุน เพราะกลัว ตอนนี้ก็ต้องสร้างความสงบให้ได้

เรื่องใต้วันนี้ทำ 3 อย่าง

1) เรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย เพราะเราไม่ได้มองเขาเป็นผู้ร้าย ผู้ก่อการร้ายอะไรที่ไหน มองเขาเป็นคนไทยด้วยกัน แล้วก็เป็นผู้กระทำความผิดในเชิงอาชญากรรม ให้โอกาส ต่อสู้คดีอะไรก็ว่ามาคืออย่าใช้อาวุธกับเจ้าหน้าที่เท่านั้นเอง เกิดความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน เจ้าหน้าที่เขาต้องระวังตัว เขากลัวความไม่ปลอดภัยของเขาเหมือนกันยังไง เข้าใจผิดกันง่ายจะตายไปที่ใต้

เรื่อง ที่ 2)  คือการพัฒนา การศึกษาเรื่องกีฬา เรื่องอะไรต่าง ๆ ระบบการศึกษาภาคใต้ต้องปรับเข้าหากัน เพราะที่ผ่านมาความขัดแย้งสูง เกิดได้น้อย นี่กำลังเร่งอยู่

เรื่องที่ 3) คือเรื่องการพูดคุยสันติสุข ทุกคนเร่ง พูดไปแล้ว 2 ครั้งเสร็จหรือยัง จะไปเสร็จได้ยังไง เรื่องเหล่านี้เป็นประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์ที่ผ่านมาอดีต แล้วมีคนเอามาใช้ประโยชน์ สร้างความขัดแย้ง วันนี้ต้องเอาประวัติศาสตร์มาเป็นแบบอย่างว่าทำยังไงจะไม่เกิดอีก ไม่ใช่เอาอันเก่ามาทำให้เกิดใหม่ ไม่ได้ ประวัติศาสตร์เขาเอาไว้เรียนรู้ ความภูมิใจ แล้วทำวันนี้ให้ดี เพื่อจะเป็นอนาคตวันหน้า  3 เรื่องต้องทำ

วันนี้ ขอให้ทุกคนเข้าใจ รัฐบาลไม่ต้องการจะไปใช้อาวุธ ใช้กำลัง เพียงแต่บังคับใช้กฎหมายให้ได้ ถ้าไม่ได้อย่างอื่นไม่เกิด ไม่สงบ พัฒนาไม่ได้ แล้วเศรษฐกิจก็ไม่ดี การท่องเที่ยวภาคใต้ โอกาสมากที่สุดในอาเซียน แต่เขาไม่กล้ามา เพราะไม่ปลอดภัย  หาดขาว ทรายสวย ธรรมชาติทั้งนั้น ไปไม่ได้ ขอฝากพี่น้องชาวใต้ด้วยแล้วกัน จะดีกว่านี้อีก 10 เท่า ถ้าเลิกได้ รัฐพร้อมเลิกอยู่แล้ว ถ้าท่านอยู่ในกฎหมาย ในระบบก็จบใช่ไหม ต้องช่วยกัน

การค้ามนุษย์อีกใช่หรือไม่ ค้ามนุษย์พันไปไหน IUU อีก ออกกฎหมายค้ามนุษย์ ลงโทษเจ้าหน้าที่ เอาขบวนการ ยุติธรรมเข้าไปจับทั้งหมด กฎหมายเหล่านี้ไม่ได้ออกง่าย ๆ มีผลกระทบกับประชาชน เพราะฉะนั้นต้องไป 3 วาระ ถกแถลงกันนานกว่าจะออกได้ แสดงให้เห็นว่าผมไม่ใช้อำนาจผม 100%  ถ้าใช้อำนาจ ผมก็เขียนออกมาเองก็จบ ไม่ได้ใช้เลย

อีกอันที่ต่างชาติมั่นใจคือเศรษฐกิจดิจิทัล ที่บอกไปเมื่อกี้ ถ้าทำดีเขาก็ไม่ต้องเดินไปเดินมา เดินทางบ่อย ๆ เสียงบประมาณเปล่า ๆ ใช้การติดต่อทางระบบ IT ได้

เรื่องเศรษฐกิจพิเศษ กำลังพัฒนาไปสู่อย่างนั้น ต้องดูว่าภูมิภาคแต่ละภูมิภาคจะเจริญแบบไหน มีวัสดุต้นทุนที่แตกต่าง ประชาชนแตกต่าง ความต้องการแตกต่าง ถ้าเราทำทั้งหมดเหมือนกันทั้งประเทศไม่มีขายใครได้ ต้องทำให้แตกต่างแต่ละภูมิภาค มองกลุ่มจังหวัด แล้วไปดูแต่ละจังหวัด แล้วไปดูอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ต้องดูความแตกต่าง ต้องมีต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ต้นทางคือเพาะปลูก หรือทำวัสดุต้นทุน ต่อมาแปรรูป กลางทาง เพิ่มมูลค่า ปลายทางหาตลาด ตลาดในพื้นที่ได้ไหม แลกเปลี่ยนในกลุ่มจังหวัด ได้หรือไม่ ระหว่างจังหวัดได้ไหม ภูมิภาค กับภูมิภาคได้ไหม แล้วรวมทั้งหมดนี่  มี 4 อย่างที่ต่างกันในวัสดุอย่างเดียวกัน หรือวัสดุที่แตกต่างกัน แล้วส่งออก นี่แหละคือเขาเรียกว่า นวัตกรรม สร้างมูลค่า คนจะได้ไม่ต้องแข่งขันกัน ลดราคา ปั่นราคากัน ผมพยายามทำอย่างนี้อยู่

ตอนนี้กลุ่มธุรกิจกำลังไปจับที่ภาคเกษตร ที่ภูเก็ต เขาลงไปแล้ว จะเอาสิ่งที่ดีในภูเก็ตเอามา แล้วก็ขับเคลื่อนไปสู่ตลาดทางเหนือ เชียงใหม่ สับปะรดภูเก็ต อะไรทำนองนี้ แล้วมีเรื่องอาหาร เรื่อง กุ้งล็อบสเตอร์ เหล่านี้ ขาดการขับเคลื่อน เราถึงต้องเอาภาคพวกนี้เข้ามาช่วย แล้วสร้างในเรื่องของ Social business คือ ในเรื่อง ของการสร้างความเข้มแข็งโดยเป็นการรวมกลุ่มทางธุรกิจ หรือสหกรณ์ทำนองนี้ โดยไม่เอาผลกำไรมาแบ่งกัน เป็นทุนให้กับประชาชนไปทำอย่างอื่น

เมื่อวานมีการประชุม เรื่อง Ease of doing business  คือที่ผ่านมาประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ไม่ดีในโลก เขามีการประเมินในหน่วยงาน แต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน เราอยู่ลำดับที่เท่าไร ในการประกอบการธุรกิจ วันนี้ดีขึ้น  2 ปี ค่อย ๆ ดีขึ้นมาเรื่อย ๆ แต่อย่าลืมว่า เราดีขึ้นเขาก็หนีเราอีก เพราะฉะนั้นตำแหน่งตรงนี้ อย่าไปให้ความสำคัญมากนัก เพียงแต่ว่าเรามาดูว่าเราบกพร่องเรื่องอะไรบ้าง เราแก้ตรงนี้ให้ตรงจุด จะง่ายขึ้นในการประกอบการ ในการขออนุญาต ในการระบบภาษี ในการขอไฟฟ้า ขอประปา ขออะไรต่าง ๆ แล้วก็แรงงาน ต้องครบตรงนี้ บางทีเขาบอกว่ามาติดต่อบางทีเกือบ 2 ปีกว่าจะได้คำตอบที่ผ่านมา

วันนี้ ภายในไม่กี่เดือนถึงจบ จึงต้องมีศูนย์ OSS  ข้อมูลต้องอยู่ตรงนั้น ต้องการหลักฐานอะไรบ้าง ให้ครบ ไม่ใช่เขามาเทียวไปเทียวมาอยู่อย่างนี้ ไม่ได้ จากนี้ไปก็จะเข้าไปสู่ออโต้เซอร์วิสของหน่วยงานเขา เขาก็ไม่ต้องเดินไปตามกรมโน้น กรมนี้ หรือกระทรวงโน้น กระทรวงนี้ ทำให้จบไปเลย คิดแบบนี้ แล้วต้องใช้ระบบ On Line บ้าง ใช้ระบบ IT บ้างอะไรบ้าง อิเล็กทรอนิกส์ มาทำยังไงจะได้เร็วขึ้น

 

ถาม : ท่านนายกฯ อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องอาศัยระยะเวลา และแน่นอนว่าต้องอาศัยความเข้าใจด้วย คือการเลือกตั้งค่ะ เราก็มีความหวังว่าจะเกิดการเลือกตั้งในอนาคตอันใกล้นี้ หลาย ๆ คนก็มักจะพูดว่า “ประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง” ประเทศไทยพร้อมหรือไม่ที่จะเป็น“ประเทศ ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์” จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง หรือไม่คะ ท่านนายกคะ

นรม. : ถ้าถามผม ผมก็อยากให้เกิด ไม่มีใครไม่อยากให้เกิด ผมคิดว่าเราฝืนประชาธิปไตยโลกไม่ได้ แล้วทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าผมเข้ามาตรงนี้เพราะเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาบ้าง แล้วถ้าเราไม่เข้ามาทำ จะเกิดอะไรขึ้น แล้วอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นอีก ทุกคนต้องกลับมาย้อนดูตรงนี้ ด้วยเหตุด้วยผล ไม่ว่ามองกันเรื่องอำนาจเรื่องผลประโยชน์อะไรกับผมอย่างนั้น ไม่ได้ ถ้าไม่เดือดร้อนผมไม่เข้ามาให้เสียไปหรอก ผมทำในสิ่งที่ดีกว่า ผิดหลักการประชาธิปไตย แต่เป็นการสร้างประชาธิปไตยใหม่ขึ้นมาให้เป็นสากล ทุกคนมองว่าต้องเลือกตั้ง แล้วถึงจะเป็นรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย แล้วผมถามที่ผ่านมาประชาธิปไตยไหม ที่บ้านเมืองวุ่นวายมีปัญหามาทั้งหมด ผมต้องเข้ามาแก้นี่ รัฐบาลอะไรทำไว้ แล้วผมมาทำแก้หรือเปล่า นี่ดูตรงนี้ แล้วมาบอกแก้ให้เสร็จ แก้เร็ว ๆ แก้แล้วไป แก้แล้วเลือกตั้งใหม่ ผมถามว่า ผมก็ยินยอมอยู่แล้ว ผมไม่ได้ฝืนเลย จะเลือกตาม Road Map ของผม ถ้าผมเห็นแก่ตัวเองหรือ เห็นแก่อำนาจหรือ ผมก็ไม่ให้ ผมก็อยู่ของผมไปอย่างนี้ ใครจะกดดันผมก็อยู่อย่างนี้ เพราะผมทำเพื่อประเทศผม เพื่อนไทยทุกคน วันนี้ก็เร่งให้ผมทำให้เสร็จเร็ว ๆ ไปซะที วันนี้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยก็จริง วันนี้มีการต่อต้าน มีความขัดแย้งกันมากอยู่ พร้อมจะกลับมาที่เดิมทุกอย่าง ผมถึงบอกว่า อย่ามองการเลือกตั้งอย่างเดียว แต่ไม่ใช่ผมไปขัดแย้งการเลือกตั้ง เลือกได้ก็เลือก ผมให้แล้ว ไม่มีการทำประชามติ ก็ทำไม่ได้ พอไม่ได้ขึ้นมาให้ผมลาออก ผมให้ทุกอย่างแล้ว แต่ท่านไม่ให้ผมเลย อย่างนี้ไม่ได้ เพราะผมเข้ามาทำขนาดนี้แล้ว

เพราะฉะนั้นให้คิดว่า เนื้อแท้ประชาธิปไตยมีอะไรบ้าง 1) ต้องมีการเคารพเหตุผลคนอื่นเขาบ้าง มากกว่าบุคคล อันที่ 2) คือต้องรู้จักการประนีประนอมเคารพกฎหมาย การมีระเบียบวินัยสังคม ความรับผิดชอบต้องมีจะเป็นเลือกตั้งประชาธิปไตย เป็นการเมืองว่าไป ผมไม่ไปยุ่ง แต่ขอให้เป็นการเมืองที่สุจริต มีธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศ ขอแค่นี้ให้ผมได้ไหม ถ้าให้ผมได้ ให้รู้ว่าผมให้อะไรไปแล้ว ให้ทำประชามติ ให้รัฐธรรมนูญ อาจจะมีเข้มงวดบ้าง ในระยะ 5 ปี ยังให้ไม่ได้เลย แล้วอย่างนี้จะไปยังไง ต้องการอะไร ต้องการให้ดีขึ้น ถ้าเหมือนเดิม ไม่มีบทลงโทษ ไม่มีบทเข้มงวด กลับที่เก่า ก็ขอแค่ 5 ปี แค่นี้ แล้วท่านจะทำอะไรขอท่านไป ผมคิดว่า 5 ปีนี่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นมาก ถ้าทุกคนร่วมมือ แล้วผมก็หวังให้มีการเลือกตั้ง มีการทำประชามติ ต่าง ๆ ไม่ได้บังคับใคร ใช้ความคิด คิด มีเหตุมีผล ด้วยหลักการประชาธิปไตยที่ถูกต้อง แล้วจะหาเจอว่าที่ผมทำมาคืออะไร ไม่ใช่มามองว่าผมมายังไง แล้วผมควรจะไปได้แล้ว แล้วผมทำอะไรทุกวันอยู่ ผมแก้ปัญหาให้เขาทั้งนั้นเลย ไม่ใช่ปัญหาของผม ผมไม่ได้ทำไว้ เพื่อเขาในวันหน้า เพื่อลูกหลานของเราในอนาคตนั่นคือสำคัญ

 

ถาม : ค่ะ วันนี้กราบขอบพระคุณนะคะท่านนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติค่ะ

นรม. : สวัสดีครับ. สวัสดีนะครับ

ถาม : คุณผู้ชมคะ หลากหลายภารกิจที่ตอนนี้รัฐบาลและ คสช. กำลังดำเนินการอยู่นะคะ เยอะแยะมากมาย แต่ว่าคงจะต้องอาศัยความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในการที่จะช่วยกันนะคะ สร้างประเทศไทยให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง แล้วก็ยั่งยืนให้ได้ เรามองกันไปไกลถึงอนาคตนั้นไม่ใช่เพื่อใคร แต่ว่าเพื่อลูกหลานของเราเองนะคะ และทั้งหมดนี้ก็คือรายการคืนความสุขให้คนในชาติในวันนี้นะคะ ขอบพระคุณสำหรับการติดตามรับชม ดิฉัน และท่านนายกรัฐมนตรีลาไปพร้อมกันตรงนี้เลยนะคะ สวัสดีค่ะ

********************************

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์

ที่มา: รายการคืนวันสุข