แถลงการณ์นายกรัฐมนตรีต่อผลการออกเสียงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 และขั้นตอนสู่การเลือกตั้งภายในปี 2560
พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ
บัดนี้การออกเสียงแสดงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมเสร็จสิ้นลงแล้ว คณะรัฐมนตรีได้รับแจ้งผลอย่างเป็นทางการ จากคณะกรรมการการเลือกตั้งมาแล้วว่าร่างรัฐธรรมนูญและประเด็นคำถามพ่วงได้ รับคะแนนเสียงเห็นชอบเป็นส่วนใหญ่ หมายความว่าทั้งร่างรัฐธรรมนูญและประเด็นคำถามพ่วง ผ่านการออกเสียงประชามตินั่นเอง
คณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง นับแต่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้ทำงานอย่างหนัก ทั้งในการยกร่างและการชี้แจงต่อประชาชน ขอขอบคุณคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตลอดจนถึงเจ้าหน้าที่ทุกคนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการชี้แจง การดูแลการออกเสียง และการรักษาความสงบเรียบร้อย ขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกแขนงที่ช่วยประชาสัมพันธ์ ที่สำคัญที่สุดคือ ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทั้งหลายที่ออกไปใช้สิทธิในครั้งนี้เป็นจำนวนมากถึง เกือบประมาณร้อยละ 60 และไม่ว่าท่านจะเป็นผู้มีสิทธิออกเสียงหรือไม่ ได้ออกไปใช้สิทธิหรือไม่ และลงประชามติอย่างไรก็ตาม ผมต้องขอบคุณที่ได้ช่วยกันรักษากฎเกณฑ์กติกาและความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง จนเหตุการณ์ส่วนใหญ่ผ่านไปด้วยดี ไม่เกิดเหตุร้ายรุนแรง ดังที่อาจมีผู้วิตกกังวลหรือคาดเดา ผมเห็นภาพพ่อแม่ พี่น้อง คนชรา คนพิการ ออกไปใช้สิทธิกันท่วมท้น เห็นแล้วชื่นใจจริงๆ ผมขอให้ทุกคนช่วยกันรักษาบรรยากาศดีๆ เช่นนี้ตลอดไป โดยเฉพาะในการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึงในอีกประมาณหนึ่งปีข้างหน้า สำหรับความรู้สึกและความคิดเห็นส่วนตัวที่ อาจมีผู้สมหวังหรือผิดหวัง ถูกใจหรือไม่ถูกใจร่างรัฐธรรมนูญและผลการออกเสียงประชามติ ย่อมมีอยู่เป็นธรรมดา เช่นเดียวกับในการจัดทำรัฐธรรมนูญทุกครั้งและในทุกประเทศ แต่ผมใคร่ขอให้ทุกฝ่ายยอมรับผลดังกล่าว บัดนี้ การออกเสียงประชามติยุติลงแล้ว แต่ภารกิจของท่านและผมยังไม่ยุติ ขอให้เราทั้งหลายทิ้งความเห็นต่าง ความรู้สึกชอบ ไม่ชอบ หรือรับ-ไม่รับไว้ในหีบลงคะแนนแล้ว ร่วมกันก้าวต่อไปข้างหน้า ภารกิจที่รอเราอยู่ยังมีอีกมากและอาจยากลำบากกว่าที่ผ่านมา นั่นคือการสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้ได้ การปฏิรูปประเทศ การยุติความขัดแย้ง และการสร้างความปรองดองภายใต้กติกาฉบับใหม่
พี่น้องประชาชนทุกท่านครับ
จนถึงบัดนี้อะไรที่เคยรู้สึกว่าคลุมเครือ ต้องถือว่ามีความชัดเจนแล้ว การดำเนินการที่ผ่านมาเป็นไปตามโรดแม็ปหรือขั้นตอนที่ผมเคยประกาศไว้ทุก ประการ นับจากขั้นตอนที่ 1 คือ เมื่อ คสช.เข้าควบคุมสถานการณ์จนถึงการมีรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวและการจัดตั้ง รัฐบาลรวม 3 เดือน ขั้นตอนที่ 2 เริ่มจากการจัดตั้งรัฐบาลนี้ เมื่อ 2 ปีก่อน จนถึงปัจจุบันและจะยังคงอยู่ต่อไปอีกประมาณ 1 ปี ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จนถึงการเลือกตั้งในปีหน้า ส่วนขั้นตอนที่ 3 จะเริ่มเมื่อมีการเลือกตั้งตามโรดแม็ปและจัดตั้งรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ความชัดเจน และความมั่นใจของพี่น้องทั้งหลาย ผมขอรายงานให้ทราบถึงสิ่งที่จะต้องทำต่อจากนี้ไป ดังนี้
๑. คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจะต้องแก้ไขเพิ่มเติมบทเฉพาะกาลของร่างรัฐ ธรรมนูญ ให้สอดคล้องกับประชามติตามประเด็นคำถามพ่วง ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากประชาชนแล้ว และส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบความถูกต้อง เสร็จแล้วจึงให้เจ้าหน้าที่อาลักษณ์เขียนร่างรัฐธรรมนูญที่สมบูรณ์ลงในสมุด ไทย ซึ่งที่จริงก็ได้เตรียมการไว้ก่อนบ้างแล้ว หลังจากนั้น ผมจะได้นำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อทรงพิจารณาและลงพระปรมาภิไธยต่อ ไป ซึ่งจะใช้เวลารวมแล้วไม่เกิน 3 เดือน
๒. เมื่อทรงลงพระปรมาภิไธยและประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับใหม่ แล้ว รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 จะสิ้นสุดลง รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชนจะเริ่มใช้บังคับ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจะต้องจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอีก 10 ฉบับ โดยเฉพาะ 4 ฉบับแรก ซึ่งจำเป็นต่อการเลือกตั้ง จะต้องสำเร็จลงก่อนฉบับอื่นๆ ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็จะจัดทำกฎหมายหลายสิบฉบับและเตรียมการอื่นๆ ตามที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำหนดไว้คู่ขนานกันไป ซึ่งก็ได้เตรียมการไว้บ้างแล้ว เมื่อเสร็จแล้วจะได้เสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ในระหว่างนี้ คสช. ,รัฐบาล ,สภานิติบัญญัติแห่งชาติและสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศจะยังคงปฏิบัติ หน้าที่ต่อไป ตามบทเฉพาะกาลจนกว่าองค์กรใหม่จะเข้ามารับช่วงตามกติกาที่วางไว้ในรัฐ ธรรมนูญฉบับใหม่
๓. การจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับ อันจำเป็นต่อการเลือกตั้งเป็นงานที่ละเอียดอ่อนและยากลำบากไม่น้อยไปกว่าการ ร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งยังมีขั้นตอนมาก เช่น ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรต่างๆ ตรวจสอบความถูกต้องด้วย แต่น่าจะเสร็จสิ้นจนประกาศใช้ได้ไม่เกินกลางปี 2560 หลังจากนั้นเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่จะจัดการเลือกตั้งทั่ว ไปให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน หรือ 5 เดือน ซึ่งก็คือช่วงปลายปี 2560 อันยังคงเป็นไปตามโรดแม็ปที่วางไว้ หากสถานการณ์บ้านเมืองยังคงมีความสงบสุขดังเช่นปัจจุบันนี้
พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ
สถานการณ์บ้านเมืองโดยทั่วไปในขณะนี้ แม้จะดูว่ามีความสงบเรียบร้อยดี เพราะพี่น้องทั้งหลายรู้สึกได้ว่ายังคงสามารถใช้ชีวิต ประกอบสัมมาอาชีพ และไปมาหาสู่กันได้เป็นปกติ นักท่องเที่ยว นักลงทุน ยังเดินทางเข้ามาตามปกติ การสนทนาปราศรัยระหว่างญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงหรือคนแปลกหน้า ไม่ต้องหวาดระแวงเหมือนเมื่อก่อนว่าใครเป็นใคร สีใด หรืออยู่ฝ่ายใด สิทธิเสรีภาพยังมีอยู่ทุกประการ แม้จะมีผู้บิดเบือนว่าถูกจำกัดตัดสิทธิ แต่ก็เห็นได้ว่าถ้าสุจริตและไม่ได้ทำผิดกฎหมายก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง แล้ว ทุกคนยังสามารถกระทำการใดๆ ก็ได้ ทั้งยังสามารถแสดงความเห็น วิพากษ์วิจารณ์ ตำหนิติเตียนรัฐบาลได้ดังที่ท่านได้เห็นได้ยินทุกเมื่อเชื่อวัน มิฉะนั้นท่านจะทำได้หรือ ที่สำคัญในช่วงเวลานี้ประเทศไทยยังได้รับความเชื่อมั่น การยกย่อง และการจัดอันดับในขั้นที่น่าพอใจในด้านต่างๆ จากนานาประเทศและประชาคมโลก ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยังคงเป็นไปตามปกติ รัฐบาลทุกประเทศให้เกียรติยกย่องประเทศไทย องค์กรต่างๆ ไม่ว่ารัฐบาล สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ศาล องค์กรอิสระ หรือหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ไม่อยู่ในสภาพง่อยเปลี้ยทำงานไม่ได้ดังในอดีต ท่านลองเปรียบเทียบสภาพบ้านเมืองในวันนี้กับบ้านเมือง และชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนเมื่อก่อนเดือนพฤษภาคม 2557 อย่างน้อย ท่านอาจถามตัวเองว่าทุกวันนี้ท่านมีความสุขสบายใจขึ้นกว่าเมื่อก่อนหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ผมขอเรียนพี่น้องทั้งหลายว่า ทุกวันนี้ใช่ว่าบ้านเมืองของเราจะปราศจากปัญหาโดยสิ้นเชิงเสียทีเดียว เพราะแม้ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและภาคประชาชน โดยเฉพาะฝ่ายเอกชนที่ร่วมกันทำงานตามแนวทางประชารัฐ จะพยายามคืนความสงบสุขแก่ประชาชน ยุติความขัดแย้ง เยียวยาความบอบช้ำของบ้านเมือง มุ่งมั่นแก้ปัญหาเดิมๆ และนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามหลักนิติธรรม แต่ก็ยังมีผู้ไม่พอใจ หรือผิดหวังกับความปกติสุขเช่นนี้ ยังคงทำลายและทำร้ายประเทศ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวยิ่งกว่าความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองอย่างไม่หยุด หย่อน อีกทั้งยังจาบจ้วงล่วงเกินสถาบัน อันเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนอย่างรุนแรง โดยทางสื่อออนไลน์ ส่งข้อความเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐจะต้องดูแลมิให้ปัญหาเหล่านี้ เป็นภยันตรายคุกคามความสงบสุขของประชาชนและความมั่นคงแห่งชาติ ขอยืนยันว่าการดำเนินการของรัฐจะอยู่ภายใต้กฎหมายและหลักนิติธรรม อย่างน้อยอำนาจของ คสช. ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว มาตรา 44 ก็จะยังคงมีอยู่ต่อไป เพื่อให้ความอุ่นใจ สร้างความมั่นใจให้แก่พี่น้องทั้งหลายไปอีกระยะหนึ่ง จึงขอให้ผู้คิดร้ายต่อประเทศยอมรับนับถือกฎหมายและคำนึงถึงพลังประชามติ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมนี้ด้วย
พี่น้องประชาชนที่เคารพ การประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นสัญญาณว่าการเลือกตั้งทั่วไปกำลังจะมาถึงในอีกประมาณหนึ่งปีเศษนับจาก นี้ ระหว่างเวลานี้รัฐบาลและพี่น้องทั้งหลายยังคงมีภาระหน้าที่ร่วมกันในการ รักษาความสงบเรียบร้อยและการพัฒนาประเทศต่อไป อีกทั้งยังมีภารกิจยิ่งใหญ่ที่รอคอยอยู่และเป็นความหวังของชาติ เป็นทางรอดของบ้านเมือง นั่นคือการปฏิรูปประเทศ ซึ่งครั้งหนึ่งเราเคยถามกันว่าจะปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง หรือจะเลือกตั้งก่อนปฏิรูป ความจริงคำตอบมีอยู่แล้วว่า การปฏิรูปเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลายาวนาน จึงไม่ใช่สิ่งที่จะต้องทำอย่างหนึ่งให้เสร็จก่อนแล้วจึงไปทำอีกอย่าง เพราะการปฏิรูปคือการเปลี่ยนความเคยชินเดิมๆ เปลี่ยนกรอบความคิด เปลี่ยนวิธีการจากที่เคยทำมาหลายปี จึงไม่อาจสำเร็จเสร็จสิ้นในเวลาอันสั้น หากแต่ต้องลงมือดำเนินการคู่ขนานไปกับเรื่องอื่นๆ และต้องค่อยทำค่อยไป ต้องสร้างความรับรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน เพื่อลดความขัดแย้งไปด้วย
รัฐบาลนี้ได้เริ่มทำสิ่งเหล่านี้มาแล้วตลอด 2 ปีที่ผ่านมา โดยการจัดให้มีกฎหมายประมาณ 190 ฉบับ หลายฉบับเป็นกฎหมายว่าด้วยเศรษฐกิจการค้าการลงทุน การปรับระบบภาษีอากร การอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศ การรักษาความสงบเรียบร้อย และการปฏิบัติตามพันธะระหว่างประเทศ กฎหมายเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ประเทศชาติและประชาชนรอคอยมานานปี แต่ได้ออกมาในปัจจุบันซึ่งปกติกระทำได้ยากในเวลาที่บ้านเมืองมีความขัดแย้ง สูง หรือรัฐสภาไม่อาจทำหน้าที่ได้ตามปกติ ทั้งนี้ได้ดำเนินการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก ปรับโครงสร้างการผลิต โครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม วางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล การศึกษา ปรับปรุงวิธีปฏิบัติราชการให้ทันกับยุคดิจิทัลและสามารถสนองความต้องการของ ประชาชน อำนวยความสะดวกแก่ผู้ติดต่อกับทางราชการ ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เพิ่มโอกาสแก่ผู้ด้อยโอกาส ตั้งกองทุนยุติธรรมช่วยเหลือ ตั้งแต่ผู้เสียหาย โจทก์ พยาน จนถึงจำเลย ขจัดการทุจริตคอรัปชั่นโดยใช้มาตรการต่างๆ เช่น แก้กฎหมายเพิ่มโทษ จัดตั้งศาลคดีทุจริต ตลอดจนจัดการกับคดีสำคัญๆ ที่ค้างคามายาวนาน โดยเฉพาะคดีทุจริต ดำเนินการทวงคืนผืนป่าและที่ดิน เพื่อเร่งนำมาคืนให้ประชาชนใช้ประโยชน์ เร่งรัดขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และวางแนวทางยุทธศาสตร์ชาติระยะยาว เพื่อให้คนในชาติรู้เป้าหมายรู้อนาคต ในการพัฒนาประเทศว่าเราจะเดินต่อไปในทิศทางใด ก่อนที่จะส่งให้รัฐบาลหลังการเลือกตั้งได้รับช่วงไปดำเนินการตามวิถีทางรัฐธรรมนูญ
พี่น้องประชาชนทุกท่าน ปัญหาที่ท้าทายและหนักหน่วงยังรอเราอยู่ข้างหน้าอีกมาก ผมซาบซึ้งและขอขอบคุณในความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของท่านที่มีต่อ คสช. และรัฐบาล พลังประชามติครั้งนี้ มีความหมายมากต่ออนาคตของประเทศ อย่างน้อยก็แสดงให้โลกรู้ว่าพี่น้องประชาชนชาวไทยคิดอย่างไร ต้องการอย่างไรกับประเทศของตน พลังของประชาชนไม่อาจประมาทได้เลย ดังนั้น คณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาล โดยเฉพาะผมเอง จึงยิ่งต้องใช้ความพยายาม ทุ่มเทสติปัญญา และเวลาที่เหลืออยู่ ให้บังเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนให้หนักขึ้น เพื่อให้สมกับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของท่านทั้งหลาย โดยยึดถือความสุจริต การมีธรรมาภิบาลและความไม่ประมาทในการใช้อำนาจหน้าที่ สิทธิเสรีภาพของประชาชนข้อใดที่รัฐธรรมนูญรับรอง ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลนี้อยู่แล้ว อาทิเช่น การให้การศึกษา การให้บริการสาธารณสุข โดยประชาชนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เสรีภาพในการนับถือและปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาทุกศาสนาจะได้รับการคุ้ม ครองอย่างเต็มที่ ประเทศชาติของเราจะต้องเป็นสังคมที่มีสันติสุข มีความสงบเรียบร้อย มีเป้าหมายการพัฒนาที่ชัดเจน มีความเป็นธรรม ถ้าว่าตามตัวบทกฎหมายแล้ว รัฐบาลอาจดูเหมือนว่าเป็นผู้นำในการดำเนินการเหล่านี้ แต่โดยความเป็นจริง ทุกคนต้องเดินเคียงคู่ไปด้วยกัน เพื่อว่าเราทั้งหลายจะสามารถก้าวไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนได้ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แม้บางคนจะยังมีความเห็นแย้ง หรือความเห็นต่างกันอยู่บ้างก็ตาม
ถ้ามีสิ่งใดที่ คสช.และรัฐบาลต้องการความร่วมมือจากท่าน หรือมีเรื่องที่ต้องเรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบ ผมจะขอเวลาชี้แจงเช่นนี้อีก ในโอกาสต่อไป
ขอบพระคุณครับ สวัสดีครับ