ผู้จัดการแบงก์อเมริกาชี้นักลงทุนต่างชาติปีนี้ลงทุนในไทยแล้ว 140,000 ล้านบาทไม่สนใจเป็นรัฐบาลทหารเพราะคุมความสงบได้และมีแผนลงทุนขนาดใหญ่ในสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน

ผู้จัดการธนาคารแห่งอเมริกาในไทยชี้ความสงบในไทยพร้อมกับมีแผนเศรษฐกิจและนโยบายปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานชัดเจนดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามามากทั้งสหรัฐ ยุโรป ตะวันออกกลางและญี่ปุ่น ปีนี้ลงทุนในพันธบัตรไทยแล้ว 140,000 ล้านบาท ไม่สนใจว่าเป็นรัฐบาลทหารหรือไม่ เชื่อปลายปีนี้สหรัฐขึ้นอัตราดอกเบี้ย ค่าเงินบาทอาจอ่อนแตะ 36-37.50 บาทต่อดอลลาร์
เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2559 หนังสือพิมพ์ the Bangkok Post เสนอข่าวสัมภาษณ์พิเศษ น.ส.อรกัญญา พิบูลธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารแห่งอเมริกา เมอร์ริล ลินซ์ สาขาประเทศไทย (Thailand of Bank of America Merrill Lynch)ว่าการเมืองในประเทศไทยไม่ใช่ปัญหาสำหรับนักลงทุนต่างชาติ โดยพวกเขามีความรู้สึกว่ารัฐบาลทหารได้ช่วยนำความสงบมาสู่ประเทศไทย อีกทั้งรัฐบาลได้เดินหน้าปฏิรูปประเทศและมีแผนการทางเศรษฐกิจชัดเจนโดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน

น.ส.อรกัญญากล่าวว่าเงินทุนต่างประเทศไหลกลับเข้ามาลงทุนในไทยแล้ว 120,000 ล้านบาทหลังจาก 3 ปีที่แล้วไหลออกจากไทย อีกทั้งในปีนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรไทยแล้ว 140,000 ล้านบาท เมื่อมีเงินทุนไหลเข้าทำให้ค่าเงินบาทของไทยแข็งขึ้น 4 % ส่วนตลาดหุ้นไทย (SET index) ที่ถือว่าเป็น 1 ของตลาดลงทุนดีที่สุดในโลกก็เพิ่มขึ้นถึง 20 %

“เงินทุนจะไหลเข้าอย่างต่อเนื่องเพราะประเทศไทยเป็นปลายทางที่ดึงดูดมากที่สุดในภูมิภาค”น.ส.อรกัญญากล่าว

ผู้จัดการธนาคารแห่งอเมริกาฯยังคาดการณ์ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะแข็งขึ้นและจะทำให้เงินบาทอ่อนตัวลงไปแตะระหว่าง 36-37.50 บาทต่อดอลลาร์ โดยเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือ US Federal Reserve จะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้

อย่างไรก็ตามน.ส.อรกัญญาเชื่อว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ของไทยผู้กำหนดอัตราดอกเบี้ยจะยังคงยืนในอัตราเดิมตลอดทั้งปีแม้ว่าสหรัฐจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ตาม

น.ส.อรกัญญากล่าวว่าเมื่อมองภาคการส่งออกซึ่งถือเป็น 70 % ของจีดีพีประเทศไทยแล้ว การส่งออกจะยังคงเหมือนเดิมตลอดปีนี้ เหตุหนึ่งเพราะค่าเงินบาทแข็งตัวด้วย แต่ก็เชื่อว่าจีดีพีของไทยปีนี้น่าจะเติบโตได้ถึง 3.2 % จากที่เคยคาดไว้ที่ 2.8 % สาเหตุมาจากการลงทุนของภาครัฐนั่นเอง อีกทั้งยังคาดว่าปีนี้รายได้ของบริษัทต่างๆน่าจะเพิ่มขึ้นถึง 10 %

“เงินลงทุนที่ไหลเข้ามาเพื่อซื้อหุ้นในตลาดหุ้นจะยังเพิ่มอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะเงินที่มาจากนักลงทุนในสหรัฐ ยุโรป ตะวันออกกลางและญี่ปุน”น.ส.อรกัญญากล่าว

ทั้งนี้การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะส่งผลให้กลุ่มผู้บริโภคและกลุ่มงานบริการต่างๆได้รับผลประโยชน์รวมทั้งอุตสาหกรรมด้านการต้อนรับ (hospitality),โรงแรม,การบิน,สนามบินและสินค้าอุปโภคบริโภคโดยรวม

Thailand Focus 2016

ก่อนหน้านี้เมื้อวันที่ 31 สิงหาคม 2559 น.ส. อรกัญญา พิบูลธรรม อภิปรายในงาน Thailand Focus 2016 ว่า จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ประเทศส่วนใหญ่ให้ความระมัดระวังในเรื่องของการค้าและการลงทุนและมุ่งให้ความสำคัญกับธุรกิจภายในประเทศ แต่ในส่วนของประเทศไทย ยังเป็นแหล่งลงทุนที่โดดเด่นด้วยนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบเปิดรับผู้ลงทุนต่างประเทศของภาครัฐที่มุ่งเน้นกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้ประเทศไทยเป็นแหล่งลงทุนที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนทั่วโลก

น.ส.อรกัญญาเห็นว่าสัญญาณการบริโภคในประเทศเริ่มดีขึ้น แม้จะมีส่วนของภาคเอกชน และการส่งออกจะยังไม่ฟื้นตัวก็ตาม โดยกลุ่มธนาคารมั่นใจกับภาวะเศรษฐกิจไทย จึงได้มีการปรับประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ของประเทศไทยในปีนี้เพิ่มขึ้นจาก 2.8 % เป็น 3.2 % เนื่องจากมีความชัดเจนในการลงทุนของภาครัฐตามแผน

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมีความคาดหวังว่าจะมีการเดินหน้าในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และหากมีการเลือกตั้งได้ตามโรดแมป จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้มากยิ่งขึ้น โดยนักลงทุนที่เข้าร่วมงาน Thailand Focus 2016 ไม่ได้มีความกังวลถึงกำหนดการเลือกตั้งของไทย เพียงแต่ให้ความสนใจในภาพรวมถึงแผนการลงทุนและการเดินหน้าของภาครัฐเท่านั้น

ที่มา : ข่าวโดย NUNTAWUN POLKUAMDEE

http://www.bangkokpost.com/business/finance/1078648/bank-peace-draws-foreign-investors