นวัตกรรมและวิทย์น่ารู้ ตอนที่ 12 : Ancient Roman Concrete
เมื่อสองพันปีก่อน ชาวโรมันได้สร้างกำแพงคอนกรีตกั้นนำ้ทะเลและท่าเรือขึ้นหลายแห่ง คอนกรีตของชาวโรมันที่สร้างตั้งแต่ตอนนั้นสามารถทนต่อการกัดกร่อนของน้ำทะเลและคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ นอกจากนั้นยังพบว่าน้ำทะเลมีส่วนทำให้คอนกรีตของชาวโรมันแข็งแกร่งขึ้นด้วย ทำให้นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกพยายามที่จะค้นหาวิธีและส่วนประกอบของคอนกรีตที่ชาวโรมันใช้ ถึงแม้ว่าอาณาจักรโรมันจะล่มสลายไปนานแล้วก็ตาม

ภาพนักวิทยาศาสตร์กำลังเก็บตัวอย่างจากท่าเรือของชาวโรมัน Portus Cosanus ในเมือง Orbetello ประเทศ Italy; ตัวอย่างที่เก็บได้ถูกนำไปวิเคราะห์ด้วยเครื่อง X-rays ที่ Berkeley Laboratory (เครดิตภาพ: J.P. Oleson)
โดยปกติ น้ำทะเลสามารถกัดกร่อนสิ่งก่อสร้างตามชายฝั่งได้ภายในไม่กี่สิบปี แต่คอนกรีตของชาวโรมันสามารถทนต่อการกัดกร่อนของน้ำทะเลได้กว่าสองพันปี ไม่แค่นั้นกลับแข็งแรงขึ้นมากด้วย นักวิทยาศาสตร์พบว่า คอนกรีตของชาวโรมันเป็นส่วนผสมของ เถ้าภูเขาไฟ และ ปูนขาว (quicklime)
Philip Brune นักวิทยาศาสตร์ของ DuPont Pioneer กล่าวว่า “วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างของชาวโรมัน ทนทานที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ”
Marie Jackson ผู้เชี่ยวชาญด้านคอนกรีตของชาวโรมันของมหาวิทยาลัย Utah ได้ศึกษาโครงสร้างของมันอย่างละเอียด ในโครงการที่มีชื่อว่า Roman Maritime Concrete Study และได้สรุปว่า “ลักษณะของคอนกรีตของชาวโรมันมีส่วนคล้ายกับหินลาวาที่อยู่ใต้น้ำทะเลมาก” ผลการศึกษาวิจัยของ Marie Jackson ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร American Mineralogist (http://ammin.geoscienceworld.org/content/102/7/1435) เมื่อไม่นานนี้
ผลการวิจัยพบว่า คอนกรีตของชาวโรมันเต็มไปด้วย growing crystals ขนาดเล็กที่น่าจะช่วยป้องกันคอนกรีตจากการแตกหัก และยังพบว่ามีปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้นได้ยาก คือ เกิดผลึกของ aluminous tobermorite งอกออกจากแร่ที่เรียกว่า phillipsite ผู้วิจัยสรุปว่า ส่วนผสมสำคัญที่ทำให้เกิดปฏิกิริยานี้คือ นำ้ทะเล
เมื่อน้ำทะเลแทรกเข้าไปในเนื้อคอนกรีต จะทำให้เกิดปฏิกิริยากับแร่ phillipsite (ซึ่งพบในธรรมชาติในหินภูเขาไฟ) ทำให้เกิดผลึก tobermorite ซึ่งโดยปกติแล้ว ผลึก Aluminous tobermorite จะสังเคราะห์ได้ยากมาก และต้องการอุณหภูมิสูงมากๆในการสังเคราะห์
ชาวโรมันใช้เถ้าภูเขาไฟที่เฉพาะเจาะจงมาจากเหมืองแห่งหนึ่งในประเทศ Italy ซึ่งขณะนี้ Jackson กำลังพยายามที่จะสร้างคอนกรีตแบบเดียวกับชาวโรมัน โดยใช้น้ำทะเลจาก San Francisco และ หินภูเขาไฟ เพื่อให้เกิดปฏิกิริยาเคมีเช่นเดียวกันกับที่เกิดในคอนกรีตของชาวโรมัน ถ้า Jackson ทำสำเร็จ คอนกรีตของเธอจะเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของมนุษยชาติ สำหรับช่วยป้องกันแนวชายฝั่งทะเลจากการกัดเซาะ
จากผลการศึกษาในปี 2014 ของทีมนักวิทยาศาสตร์ชาวยุโรป คาดการณ์ว่า อีก 90 ปีข้างหน้า ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง เพื่อป้องกันระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น น่าจะสูงถึง 71 พันล้านดอลล่าร์ต่อปี และถ้าไม่มีการสร้างสิ่งก่อสร้างมาป้องกัน ความเสียหายอาจจะสูงถึง 1 ล้านล้านดอลล่าร์ต่อปี
สิ่งก่อสร้างคอนกรีตสมัยใหม่ต้องการใช้เหล็กเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง แต่คอนกรีตของชาวโรมันไม่ต้องการเหล็ก ใช้แค่เพียงคอนกรีตก็แข็งแรงพอที่จะต้านทานน้ำทะเลได้เป็นพันๆปี
วิธีการทำคอนกรีตของชาวโรมัน เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยป้องกันระดับน้ำทะเลที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นตามเมืองสำคัญต่างๆทั่วโลก และจะช่วยแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่กำลังประสบปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งอย่างรุนแรงในหลาย ๆ พื้นที่ ส่งผลให้เกิดความสูญเสียทรัพย์สิน ทำให้เสียทัศนียภาพ ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยว และยังทำให้เกิดความเสียหายด้านทรัพยากรชายฝั่งด้วย โดยอัตราการกัดเซาะชายฝั่งทะเลของประเทศไทยเฉลี่ยมากกว่า 5 เมตรต่อปี (จัดอยู่ในระดับรุนแรง) ดังนั้นการศึกษาวิธีการทำคอนกรีตของชาวโรมันเมื่อสองพันปีก่อน จึงมีประโยชน์อย่างมากต่อประเทศไทย
ณัฐชนน อมรธำมรงค์
CIMAS/AOML, NOAA, Miami, FL
VDO Youtube link: https://www.youtube.com/watch?v=ikH6Vmb0pog