ตรวจสอบให้รอบคอบ ลดความเสี่ยงถูกหลอกลวงทางธุรกิจ

การสื่อสารทางอินเตอร์เน็ตที่รวดเร็วและสื่อโฆษณาที่ผลิตได้ง่ายขึ้นด้วยค่าใช้จ่ายที่ต่ำลงส่งเสริมการทำธุรกิจข้ามพรมแดน ขณะเดียวกันก่อให้เกิดกรณีการหลอกลวงทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจากการติดต่อซื้อ-ขายออนไลน์

—————————————

สถานเอกอัครราชทูต  ณ กรุงวอชิงตัน ยินดีให้คำแนะนำต่อข้อร้องเรียนเบื้องต้นเกี่ยวกับการถูกหลอกลวงทางธุรกิจ แต่ไม่สามารถแทรกแซง เข้าไปมีบทบาทเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางธุรกิจที่เกิดจากการเจรจาตกลงและยินยอมกันเองระหว่างคู่ค้าสองฝ่าย ตลอดจนดำเนินคดีแทนผู้เสียหายได้ จึงขอเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบุคคล บริษัทคู่ค้า และเอกสารประกอบธุรกิจของคู่ค้าด้วยความระมัดระวังและรอบคอบตั้งแต่ต้นทุกครั้ง และให้ความสำคัญกับการจัดทำเอกสารซื้อ-ขายเพื่อเป็นหลักฐาน ซึ่งการทำธุรกิจและธุรกรรมจะต้องเคารพกฎหมายไทยและกฎหมายสหรัฐฯ

—————————————

สถานเอกอัครราชทูตฯ สนับสนุนพันธมิตรทางธุรกิจบนพื้นฐานของความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือ สู่การเพิ่มพูนความสัมพันธ์ด้านการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับสหรัฐฯ            

ข้อแนะนำสำหรับผู้ประกอบการไทย

การตรวจสอบคู่ค้าฝ่ายสหรัฐฯ

  • นิติบุคคลที่ถูกต้องตามกฎหมายในสหรัฐฯ จะต้องจดทะเบียนกับรัฐบาลระดับรัฐ หน่วยงานรับผิดชอบหลักในการจดทะเบียนนิติบุคคลในแต่ละรัฐแตกต่างกันออกไป ส่วนใหญ่อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงาน Secretary of State ซึ่งมีบริการสืบค้นข้อมูลทะเบียนนิติบุคคลออนไลน์ แต่ละรัฐให้บริการรายละเอียดการจดทะเบียนนิติบุคคลแตกต่างกันออกไป อาทิ

– รัฐแคลิฟอร์เนีย สืบค้นได้ที่เว็บไซต์ของ Secretary of State

(https://businesssearch.sos.ca.gov)

– กรุงวอชิงตัน ดิสตริกต์ออฟโคลัมเบีย สืบค้นได้ที่เว็บไซต์ของ Department of Consumer and Regulatory Affairs

(https://eservices.dcra.dc.gov/BBLV/Default.aspx)

– รัฐมิชิแกน สืบค้นได้ที่เว็บไซต์ของ Department of Licensing and Regulatory Affairs

(https://cofs.lara.state.mi.us/corpweb/CorpSearch/CorpSearch.aspx)

  • ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบริษัทจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลายและรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น
  • เว็บไซต์ของบริษัท
  • ข้อคิดเห็นของคู่ค้า/ผู้รับบริการรายอื่น ๆ อาทิ เว็บไซต์ Better Business Bureau (BBB) มีฐานข้อมูลธุรกิจที่คัดกรองความน่าเชื่อถือไว้ชั้นหนึ่ง รวมถึงมีฐานข้อมูลมิจฉาชีพออนไลน์ตามที่ได้รับแจ้งจากผู้ที่ถูกหลอกลวง  (Scammer Trackers) ซึ่งสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ที่ www.bbb.org/scamtracker

–     ข้อมูลใบอนุญาตหรือใบรับรองมาตรฐานในสาขาธุรกิจของบริษัทนั้น ๆ ซึ่งสามารถสืบค้นได้จากเว็บไซต์ หน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องในแต่ละรัฐ อาทิ จาก Department of Consumer Affairs ในรัฐแคลิฟอร์เนีย http://www.dca.ca.gov/consumer/wll.shtml

  • ฐานข้อมูลคดีออนไลน์ในระดับรัฐบาลกลาง (https://www.pacer.gov) ในระดับรัฐและในระดับเขต (county)
  • การเดินทางไปสำรวจบริษัทคู่ค้าด้วยตนเอง
  • การจัดจ้างบริษัทเพื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือเป็นการเฉพาะ

 

กรณีถูกหลอกลวงทางธุรกิจไปแล้ว

  • ผู้เสียหายที่ต้องการดำเนินคดีกับผู้หลอกลวง ไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ณ สถานีตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ ทั้งที่ไทยและที่สหรัฐฯ ด้วยตนเอง โดยเตรียมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง อาทิ อีเมลโต้ตอบ หลักฐานการโอนเงิน และหนังสือจดทะเบียนนิติบุคคลของบริษัท (ถ้ามี)

ผู้เสียหายสามารถมอบอำนาจให้ผู้ใดผู้หนึ่งเข้ามาดำเนินการแทนได้ โดยเตรียมเอกสารเพิ่มเติม อาทิ หนังสือมอบอำนาจ สำเนาหนังสือเดินทางของผู้มีอำนาจลงนามของบริษัทพร้อมลงนามรับรองเอกสาร

  • กรณีถูกหลอกลวงทางอินเตอร์เน็ต
  • ในสหรัฐฯ สามารถร้องเรียนกับหน่วยงานกลางที่ดูแลอาชญากรรมทางอินเตอร์เน็ตที่เรียกว่า Internet Crime Compliant Center (IC3) เพื่อดำเนินการสอบสวนและส่งเรื่องร้องเรียนต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ร้องเรียนออนไลน์ต่อ IC3 ได้ที่ www.ic3.gov

นอกจากนี้ ยังมีช่องทางการร้องเรียนผ่านหน่วยงานดูแลผู้บริโภคของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า Federal Trade Commission (FTC) ซึ่ง FTC จะรายงานกรณีการถูกหลอกลวงของผู้เสียหายต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป www.ftccomplaintassistant.gov

  • ในประเทศไทย แจ้งความเพื่อดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน ณ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยติดต่อได้ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อาคาร B ชั้น 4 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 หมายเลขโทรศัพท์ + 66 2142 2555-60 เว็บไซต์ http://www.tcsd.in.th

 

ข้อแนะนำสำหรับผู้ประกอบการสหรัฐฯ

การตรวจสอบคู่ค้าฝ่ายไทย

  • นิติบุคคลที่ถูกต้องตามกฎหมายในประเทศไทยจะต้องจดทะเบียนการค้ากับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ สามารถตรวจสอบการจดทะเบียนการค้าของบริษัทไทยได้ที่ระบบคลังข้อมูลธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ที่ http://www.dbd.go.th/Applications/cds/ (จะต้องสมัครบัญชีเพื่อเข้าใช้ ระบบปัจจุบันต้องอาศัยเลขบัตรประจำตัวประชาชนบุคคลสัญชาติไทยหรือเลขหนังสือเดินทาง และสืบค้นได้เฉพาะภาษาไทย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย) คลังข้อมูลดังกล่าวบรรจุข้อมูลสำคัญ อาทิ ชื่อนิติบุคคลในปัจจุบันและในอดีต (เฉพาะภาษาไทย) เลขทะเบียนนิติบุคคล สถานะ รายละเอียดธุรกิจ ที่ตั้ง ทุนจดทะเบียน และคณะกรรมการ
  • สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในสหรัฐอเมริกา 4 แห่ง ในนครนิวยอร์ก นครลอสแอนเจลิส นครชิคาโก และเมืองไมอามี มีฐานข้อมูลผู้ส่งออกสินค้าจากประเทศไทยและสามารถให้คำปรึกษาด้านการนำเข้า-ส่งออกกับประเทศไทย รายละเอียดการติดต่อสำนักงานฯ ที่เว็บไซต์ www.thaitradeusa.com

 

กรณีถูกหลอกลวงทางธุรกิจไปแล้ว

  • ผู้เสียหายที่ต้องการดำเนินคดีกับผู้หลอกลวง ไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ณ สถานีตำรวจในพื้นที่ที่บริษัทระบุเป็นที่ตั้งในประเทศไทย ด้วยตนเอง โดยเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ อีเมลโต้ตอบ หลักฐานการโอนเงินของบริษัท และหนังสือจดทะเบียนนิติบุคคลของบริษัท (ถ้ามี) ที่ได้แปลเป็นภาษาไทยและลงนามรับรองเอกสารทั้งหมดแล้ว

ผู้เสียหายสามารถมอบอำนาจให้ผู้ใดผู้หนึ่งเข้ามาดำเนินการแทนได้ โดยเตรียมเอกสารเพิ่มเติม อาทิ หนังสือมอบอำนาจสำเนาหนังสือเดินทางของผู้มีอำนาจลงนามของบริษัทพร้อมลงนามรับรองเอกสาร

  • กรณีการถูกหลอกลวงทางอินเตอร์เน็ต สามารถแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ณ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อดำเนินคดีกับผู้หลอกลวง โดยติดต่อได้ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อาคาร B ชั้น 4 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 หมายเลขโทรศัพท์ + 66 2142 2555-60 เว็บไซต์ https://tcsd.go.th/
  • ขอรับคำแนะนำเพิ่มเติมจากสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลสหรัฐฯ ในประเทศไทย (https://th.usembassy.gov)

 

ข้อสงวน: ข้อมูลเป็นเพียงคำแนะนำในเบื้องต้น รายชื่อองค์กรข้างต้นเพื่อประโยชน์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อการดำเนินงานขององค์กรแต่อย่างใด